ทางเดินของชีวิต

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  8 ก.ค. 2553
หมายเลข  16677
อ่าน  5,755

ควรที่ทุกคนจะคิดถึงประโยชน์ของการเกิดมามีชีวิตเป็นมนุษย์ในขณะนี้ ทุกคนย่อมจะมีทางเดินของชีวิตซึ่งมี ๒ ทาง คือ ทางหนึ่ง เลือกที่จะหมุนเกลียวเข้าให้จมลึกลงในปลักของสังสารวัฏฏ์ต่อไป และ อีกทางหนึ่ง คือ เลือกที่จะหมุนเกลียวออกจากสังสารวัฏฏ์ทีละเล็กทีละน้อย

เพราะฉะนั้น ธรรมต้องพิจารณาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโลภะ โทสะโมหะ โดยพิจารณาตนเองว่าการที่ยังมีความติดข้องยึดมั่นผูกพันในบุคคล ควรที่จะคลายเกลียวออกหรือจะหมุนเกลียวให้แน่นเข้าไปอีก เพราะว่าในภพหนึ่งชาติหนึ่งทุกคนต้องมีความผูกพันมีความยึดมั่นในบุคคลต่างๆ โดยฐานะต่างๆ แต่ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ควรที่จะคลาย หรือ ยึดมั่นให้มากขึ้น หรือแม้แต่ในเรื่องของโทสะ ความโกรธก็เช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดยังมีความโกรธในบุคคลใด ขณะนั้นเป็นอกุศล จะคลายเกลียวออก คือ ละความโกรธและให้อภัยหรือว่าจะหมุนเกลียวของโทสะให้มากขึ้นแน่นขึ้นไปอีก เป็นความจริงที่ว่าวันหนึ่งๆ หาเรื่องที่จะให้โกรธได้ไม่ยาก (เช่นเดียวกันกับการหาวัตถุที่จะเป็นที่พอใจก็ไม่ยากเช่นกัน) ได้ยินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ความโกรธก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าจะเป็นผู้พิจารณาหาเหตุผลว่า ผู้พูดอาจจะพูดไปด้วยความไม่รู้ หรือ เป็นการได้ฟังมาเพียงผิวเผิน หรือ ด้วยความเข้าใจผิด ขณะนั้นจิตใจก็จะสบายมากทีเดียว ไม่เดือดร้อน หมดเรื่อง จบเรื่องทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ทุกๆ ขณะในชีวิตเป็นขณะที่จะได้พิจารณาถึงประโยชน์ของความเป็นผู้ตรง ที่จะรู้ว่ากุศลทั้งหลาย ย่อมเป็นประโยชน์กว่ากุศล

ในขณะนี้มีโมหะ คือ ขณะที่เห็น ก็ไม่รู้สภาพความจริงของนามธรรมและรูปธรรมในขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้เอง หรือแม้ในขณะที่ได้ยินเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ในขณะที่ได้ยินและเสียงที่ปรากฏ ขณะนี้จะคลายเกลียวจากโมหะ โดยการอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรม หรือว่าจะพอใจในการหมุนเกลียวของโมหะให้มากขึ้นอีก โดยละเลยการที่จะระลึกศึกษารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

นี่คือเส้นทางของชีวิตที่ทุกคนจะพิจารณาเลือกเดินต่อไปทุกๆ ขณะ แม้ในขณะนี้เอง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
bsomsuda
วันที่ 8 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณมากค่ะ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 8 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 8 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
รากไม้
วันที่ 9 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พร้อมเสมอ
วันที่ 9 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 9 ก.ค. 2553

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผิน
วันที่ 9 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
choonj
วันที่ 10 ก.ค. 2553

ทางเดินของชีวิต จะขันเกลียวหรือคลายเกียว ขันเกลียวมีอาการหนักและบีบคั้น ต่อสังสารวัฎฎ์เป็นอกุศล คลายเกลียวมีอาการเบาสบายเป็นกุศล เกลียวหวานเป็นอาการหลุดจากเราเพื่อสู่เสกขบุคคล คือรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง การเดินทางของชีวิตเมื่อมีประสบการณ์เกลียวหวาน ก็ขออนุโมทนาด้วย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jintana
วันที่ 10 ก.ค. 2553

เกิดโทสะกับใครบางคนที่ทำให้เราเจ็บ เกลียวของโทสะบ้างครั้งก็คลายได้ แต่บางครั้ง กลับหมุนแน่นเมื่อเห็นหน้า พยายามเลือกทางเดินของชีวิตด้วยการรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่ทำได้เป็นบางครั้งเท่านั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร อย่างนี้เรียกว่าขาดสติใช่ไหมคะ จะทำอย่างไรดีคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 10 ก.ค. 2553

ขณะที่อกุศลจิตเกิดก็ชื่อว่าขาดสติ ขณะที่กุศลจิตเกิดก็ชื่อว่ามีสติ หนทางเดียวที่จะละกิเลส คือ การศึกษาธรรมะ การอบรมปัญญา การรักษาศีล การอบรมเมตตา และการเจริญกุศลทุกประการ ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
choonj
วันที่ 10 ก.ค. 2553

เกลียวโทสะคลายได้แค่บางครั้งไม่ได้ประโยชน์ เพราะบางครั้งที่คลายไม่ได้จะสังสมมีกำลังให้โทสะครั้งต่อไปแรงขึ้นกว่าเดิม เป็นอันตราย จนทำลายข้าวของและถึงกับประทุษร้าย ฯลฯ เพราะผลของโทสะ เลยพยายามเลือกทางเดินด้วยการรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏก็ผิดอีก เพราะยังไม่มีความสามารถที่จะรู้ได้ ถามว่าจะทำยังไงดี ทำนะไม่ได้ แต่ถ้าฟังธรรมจนสติมีกำลัง ระลึกรู้ขณะโทสะเกิดจะช่วยได้ แต่สติจะเกิดไม่ใช่ของง่ายแถมยังต้องมีกำลังด้วย ทางเดียวคือฟังธรรมให้เข้าใจ แล้วฟังธรรมอยู่หรือเปล่าครับ รู้จักสติหรือยัง

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jintana
วันที่ 11 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณค่ะ ฟังธรรมทุกวันค่ะ พยายามทำความเข้าใจ และจะน้อมนำมาปฏิบัติให้ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ruttikarn
วันที่ 12 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
คุณ
วันที่ 28 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pamali
วันที่ 4 ส.ค. 2553
ขออนุโมทนากับ คคห ที่ 8, 11 และทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ชีวิตคือขณะจิต
วันที่ 5 ส.ค. 2553
สิ่งทั่งหลายมีอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่มีอยู่ก็ไม่ใช่ แต่เป็นไปตามเหตุและปัจจัย คือสภาพที่เป็นอยู่ระว่างที่สุดสองอย่างนี้ ทางสายกลาง สภาพที่อยู่ระหว่างที่สุดสองอย่าง การปฏิบัติชอบทางกาย วาจา ใจ ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา.ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ.
 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
พรรณี
วันที่ 18 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
intra
วันที่ 1 ม.ค. 2555

เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แม้คิดว่าตัวเองจะได้เข้าใจธรรมะบ้างแล้ว แต่เวลาเผชิญหน้ากับความสูญเสีย ธรรมะไม่ได้เกื้อกูลที่จะให้คลายความเศร้าโศกได้เลย จึงทำให้รู้ว่ายังอีกไกลมากจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
สายธาร
วันที่ 8 พ.ค. 2555

ดิฉันได้อ่านพระบรมราโชวาทของในหลวง ท่านกล่าวว่า เราสามารถรู้อนาคตได้จากการกระทำในปัจจุบัน ดิฉันว่าก็จริงนะคะเพราะหากปัจจุบันเราทำดีจนเป็นนิสัย ในอนาคตเราก็ย่อมได้รับผลดีตอบแทน เฉกเช่นกับการเลือกทางเดินของชีวิต หากเราเลือกทางที่ดี (กุศล) เราก็จะได้รับผลดีจากที่เราเลือก แต่หากเราเลือกทางเดินที่ไม่ดี (อกุศล) เราก็ได้รับผลที่ไม่ดีจากทางที่เราเลือกเหมือนกัน

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
เข้าใจ
วันที่ 12 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่เขียนข้อความที่ดีๆ ให้ได้อ่าน เป็นเครื่องปรุงแต่งที่ดี

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
papon
วันที่ 30 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
peem
วันที่ 22 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
j.jim
วันที่ 23 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 27 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
orawan.c
วันที่ 3 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
nattawan
วันที่ 24 ก.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ