ขอขอบคุณที่ยังมองหน้ากันอยู่
ท่านอาจารย์กล่าว "ขอขอบคุณที่ยังมองหน้ากันอยู่" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในความเข้าใจของผมหมายถึงบริษัทที่ดี บริษัทที่สามัคคี เมื่อมายังสถานที่ดีและแสวงหาสิ่งเดียวกัน คือ พระธรรม ที่ประเสริฐ และขอขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านที่มองหน้ากันและประพฤติดีต่อกัน
ก็เพื่อจะมาฟังพระสัทธรรมนี้เอง จึงทำให้มองข้ามเรื่องขัดแย้งอื่นไปเสียได้ เพราะอย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนไปตามกรรมของตนๆ , เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นแล้วดับไปเมื่อไร ก็หมดสิ้นความเป็นบุคคลนี้ หมดสิ้นความขัดแย้งในภพนี้ชาตินี้
ขอขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านที่มองหน้ากันและประพฤติดีต่อกัน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นขอเชิญคลิกอ่าน "ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" ได้ที่นี่ ครับ
ได้ยินแล้วคิด_1...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
"...ขอขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านที่มองหน้ากันและประพฤติดีต่อกัน..."
ดิฉันขอประทานโทษคุณups ด้วยค่ะ หากกล่าวผิดพลาดล่วงเกินไป ด้วยความเข้าใจในธรรมของดิฉันยังไม่ลึกซึ้งนักนะคะ เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมาดิฉันก็นั่งฟังอยู่ด้วย จึงขอเล่าเหตุการณ์ที่ท่านอาจารย์กล่าวคำนี้ และเป็นอีกมุมมองจากผู้ฟังอีกคนหนึ่งนะคะ
ที่ท่านอาจารย์กล่าวดังนั้น (หากจำไม่ผิด) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะที่ท่านอาจารย์กล่าวถึง คำพูดที่พระอัสชิ กล่าวตอบท่านอุปติสสะ (ชื่อก่อนบวชของพระสารีบุตร) ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร ท่านอาจารย์กล่าวผิดไปเป็นคำพูดของพระอรหันต์อีกองค์ แม้สาระธรรมหลักยังคงครบถ้วน แต่รายละเอียดผิดเล็กน้อย ทำให้อาจารย์วิทยากร และผู้ฟังบางท่าน ซึ่งจำคำพูดพระอัสชิได้ มองหน้ากันไปมาอยู่ และภายหลังอาจารย์วิทยากรท่านหนึ่งได้ขออนุญาตท่านอาจารย์แก้ไขคำกล่าวที่ผิดไป เพื่อให้ผู้ฟังได้รับความรู้ที่ถูกต้องทุกประการ ด้วยเหตุนี้ ท่านอาจารย์จึงกล่าวขอบคุณทุกท่านที่ยังมองหน้ากันอยู่ ซึ่งดิฉันเข้าใจว่า ท่านอาจารย์ขอบคุณที่ช่วยแก้ไขส่วนที่ผิดให้ถูกต้อง ซึ่งทำให้ผู้ฟังที่อาจจำไว้ผิด จะได้เข้าใจและจำได้ถูกต้อง และท่านอาจารย์ขอบคุณที่ทุกท่านที่มองหน้ากันอยู่นั้น มีความตั้งใจฟังธรรมโดยละเอียด และเมื่อพบว่าผิดส่วนใดก็ช่วยท่านอาจารย์แก้ไขให้ถูกต้อง ทำให้การสนทนาธรรมมีความครบถ้วนในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ท่านอาจารย์คงจะอนุโมทนากับทุกท่านที่มีใจเมตตากรุณา ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทุกคน ณ ที่นั้น มีจิตชื่นชมโสมนัสโดยทั่วกันค่ะ
ฟังคำบอกเล่าของ คุณ sirijata แล้ว รู้สึกได้ว่า ท่านอาจารย์ สุจินต์ ท่านมีอุปนิสัยน่ารักสุดๆ ...ไม่ผิดเลยที่ผมรู้สึกชื่นชมยกย่องท่าน ไว้เป็นครูบาอาจารย์ (ถึงแม้จะไม่ได้เป็นศิษย์ที่ได้ใกล้ชิด และได้ไปฟังธรรมบรรยายบ่อยๆ )
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา
ท่านอาจารย์ได้แสดงสัจจะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้กระผมไม่ต้อง งม อีกต่อไป
ขอแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัยและท่านอาจารย์มีความเสมอกันในผู้ฟัง
ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ซาบซึ้งในการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์มาก..ฟังทีไหนก็ไม่ซาบซึ้งเหมือนที่ฟังจากท่านอาจารย์ ขอกราบนอบน้อมแด่ท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงที่ได้ให้ธรรมะเป็นทาน ทำให้เกิดความเข้าใจที่ละเล็ก ที่ละน้อย...............
ทั้งความคิดเห็นของคุณ ups และคุณ sirijata ก็ได้ให้ข้อคิดเตือนใจที่ดี ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์แก่ผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพื่อความเจริญยิ่งขึ้นในกุศลธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความเจริญขึ้นแห่งปัญญา ครับ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทั้งสองท่าน (และ ทุกๆ ท่าน) ด้วยนะครับ
ชาติที่ประเสริฐที่สุดคือได้เกิดมาเกื้อกูลกัน ในทางธรรม มีความรู้สึกที่ดีต่อกันค่ะ
ผู้ที่มีความเป็นมิตร เป็นเพื่อนย่อมมองหน้ากันด้วยจิตที่เมตตาและย่อมทำประโยชน์
เกื้อกูลทั้งทางโลกทางธรรม โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนหรือความรักอย่างใดอย่างหนึ่ง
โดยไม่ได้เลือกบุคคลหนึ่ง บุคคลใด นั่นคือเป็นผู้ที่ยังมองหน้ากันอยู่ด้วยความจริงใจ
ผู้ที่น้อมปฏิบัติตามพระธรรมย่อมได้รับประโยชน์คือขัดเกลากิเลสตนเอง และย่อมละ
กิเลสไปตามลำดับ และเห็นประโยชนของกุศลเล็กน้อย แม้ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน