ย้อนรำลึกเหตุการณ์วันอาสาฬหบูชา
ขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
ย้อนรำลึกเหตุการณ์วันอาสาฬหบูชา
เหตุการณ์สำคัญในวันอาสาฬหบูชา
๑. ประกาศพระธรรมจักร แสดงปฐมเทศนา
๒. การปฏิสนธิลงในพระครรภ์ของพระโพธิสัตว์
๓. ออกมหาภิเนษกรมณ์ (การออกบวช)
๔. ทำยมกปาฏิหาริย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
วันอาสาฬบูชาทรงแสดงปฐมเทศนา มีพระรัตนตรัยเกิดขึ้น
เมื่อครั้งวันวิสาขบูชา คือวันเพ็ญ เดือน ๖ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง กิเลสเหล่าใดที่มีในอดีตจนถึงปัจจุบัน กิเลสเหล่านั้น พระองค์ทรงละกิเลสได้แล้วที่ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา เวลานั้นได้มีพระพุทธเจ้า พระธรรม แต่พระสงฆ์ คือผู้รู้ตามพระองค์ยังไม่เกิดขึ้นในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงประทับอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ครั้นครบ ๗ สัปดาห์ พระอินทร์ได้น้อมถวาย ไม้สีฟัน และลูกสมอแด่พระพุทธเจ้า ตปุสสะและภัลลิกะผู้เป็นพ่อค้าได้การดลใจจากเทวดาผู้เป็นญาติให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศา ๘ เส้นเป็นสิ่งที่ท่านทั้งสองนำไปบูชา และได้ขอถึงพระพุทธ พระธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ยังไม่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก
ในเวลาเช้า วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ คือวันอาสาฬหบูชา พระพุทธองค์ทรงเสด็จจากพุทธคยาไปที่เมืองพาราณสี ระยะทาง ๑๘ โยชน์ ระหว่างทางพบอุปกาชีวก ทรงแสดงธรรมให้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า แต่ว่าอุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมแต่พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อเป็นอุปนิสัยให้อุปกาชีวก บรรลุในอนาคต ทรงเสด็จถึงเมืองพาราณสีที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในเวลาเย็นและได้พบพระปัญจวัคคีย์
เจาคันธีสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าพบกับพระปัญจวัคคีย์
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ย่อมแสดงปฐมเทศนาให้หมู่สัตว์บรรลุเป็นครั้งแรก ทุกๆ พระองค์และที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อคราวว่างพระศาสนา เป็นสถานที่ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าจะมาพบกัน
บริเวณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในปัจจุบัน
พระธรรมจักร ธัมมจักรกัปปวตนสูตร
พระพุทธองค์ทรงแสดงสูตรนี้เป็นปฐมเทศนาให้พระอัญญาโกณทัญญะ บรรลุเป็นพระอริยบุคคลรูปแรก ข้อความในพระสูตรแสดงใจความดังนี้
บุคคลควรเว้นทางสุดโต่งสองอย่างที่ไม่ใช่หนทางคือ ประการแรก ทางที่ประกอบพัวพันไปด้วยกาม เช่น บุคคลที่เพลิดเพลินยินดีไม่สนใจในการอบรมปัญญา หรือ บุคคลที่คิดว่าการยินดีพอใจในสิ่งต่างๆ ให้มากที่สุดเป็นทางพ้นทุกข์ นี่ไม่ใช่หนทาง ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นทางสุดโต่งประการที่หนึ่ง
ประการที่สอง การประกอบความลำบากแก่ตน ทำให้ตนเองเป็นทุกข์ แต่ไม่ได้ทำให้ปัญญาเจริญ มีการทรมานตน เป็นต้น ที่เห็นอย่างหยาบ และแม้หนทางที่จะต้องให้ตัวเองเป็นทุกข์ก่อน เช่น นั่งสมาธิจนให้เมื่อยมากๆ เพื่อจะให้เห็นทุกข์ นั่นก็ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นการทรมานตนที่เห็นได้ ไม่ได้ทำให้ปัญญาเจริญ เพราะทุกข์มีอยู่แล้วในขณะนี้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปทำให้เมื่อยจึงจะเห็นทุกข์ ทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นทางดับกิเลส คือทางที่รู้ความจริง รู้ทุกข์ในขณะนี้ นั่นคือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจธรรม ธรรมทำหน้าที่เองคือสติและปัญญาเกิด เป็นทางสายกลางเพราะไม่ใช่ความพยายามที่ผิด เป็นทางสายกลางเพราะปัญญาเกิดรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ฟังให้เข้าใจ ไม่ต้องไปนั่ง ไม่ต้องไปพยายามกำหนดรู้ ทางสายกลางจึงเป็นเรื่องละ ละที่จะอยากรู้ ละที่อยากจะพยายามตามรู้ ตามกำหนด เข้าใจถึงความเป็นอนัตตาของสติและปัญญาว่ามีเหตุปัจจัยก็เกิดเอง หน้าที่คือฟังธรรมให้เข้าใจเท่านั้น เพราะฉะนั้นขณะที่สติและปัญญาเกิดรู้ความจริงในขณะนี้ เป็นทางสายกลาง
วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิลงในพระครรภ์
พระโพธิสัตว์เมื่ออยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อทรงเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่เราจะเกิดในโลกมนุษย์และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงทรงไปยังสวนนันทวัน จุติจากภพดุสิตไปเกิดในพระครรภ์ของพระนางมหามายาเทวีในวันอาสาฬหบูชา
ภาพ พระนางมหามายาเทวีทรงพระสุบินและพระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในพระครรภ์
ในวันนั้นเอง พระนางมหามายาเทวี ทรงรักษาอุโบสถศีลและบรรทมหลับไป ได้พระสุบินว่าเทวดาผู้เป็นท้าวมหาราชทั้ง ๔ ได้ยกพระนางมหามายาเทวีพร้อมกับที่บรรทมไปที่ป่าหิมพานต์ แล้วให้สรงสนานที่สระอโนดาต ให้นุ่งห่มผ้าทิพย์ แล้วให้พระนางบรรทมที่ภูเขาเงินลูกหนึ่ง พระโพธิสัตว์เป็นช้างสีขาวอยู่ที่ภูเขาทอง ได้เดินมาจากภูเขาทองมาที่ภูเขาเงิน ได้ถือดอกบัวขาวด้วยงวงเข้าไปที่ภูเขาเงิน ทำการเวียนขวาที่บรรทมของพระนางมหามายาเทวี ๓ รอบ แล้วก็หายเข้าไปในพระอุทรของพระนางอเพราะเหตุนั้น พระโพธิสัตว์ได้ปฏิสนธิแล้วในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระโพธิสัตว์ออกมหาภิเนษกรมณ์ (การออกบวช)
เวลาที่พระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระมหาสัตว์ทรงทิ้งจักรวรรดิราชย์ที่ตกอยู่ในพระหัตถ์ ไม่ทรงเยื่อใยเหมือนก้อนเขฬะ เสด็จออกจากพระราชย์นิเวศน์อันเป็นสิรินิวาสแห่งจักรพรรดิ เมื่อดาวนักษัตรอุตตราสาฬหะเพ็ญเดือนอาสาฬหะ เสด็จออกจากพระนคร ได้มีพระประสงค์จะทรงแลดูพระนคร ในลำดับแห่งความตรึกนั่นเอง ภูมิประเทศนั้น ก็แปรเปลี่ยนไปเหมือนจักรแป้นหมุนทำภาชนะดิน แก่พระองค์ พระมหาสัตว์ทรงยืนอยู่อย่างเดิม ทอดพระเนตรกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงกระตุ้นม้ากัณฐกะให้บ่ายหน้าไปตามทางที่พึงไป แสดงเจดียสถาน ชื่อ กัณฐกนิวัตตนะ ที่ม้ากัณฐกะหันหน้ากลับ ณ ภูมิประเทศนั้นเสด็จไปด้วยสักการะยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุให้เกิดสิริอันโอฬาร.
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทำยมกปาฏิหาริย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
พระศาสดาทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์กำราบเหล่าเดียรถีย์ มิใช่เป็นเรื่องทั่วไปกับสาวก ทรงทราบความที่ชนเป็นอันมากพากันเลื่อมใส เสด็จลงประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ ทรงแสดงธรรม ฝูงปาณชาติ ๒๐ โกฏิพากันดื่มน้ำอมฤต. ต่อจากนั้นทรงพระดำริว่า ก็พระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน ทรงกระทำปาฏิหาริย์แล้วเสด็จไป ณ ที่ไหน ทรงทราบว่า เสด็จไปสู่ดาวดึงส์พิภพจึงเสด็จลุกจากพระพุทธอาสน์ ย่างพระบาทเบื้องขวาเหยียบเขายุคนธร พระบาทซ้ายเหยียบยอดเขาสิเนรุ แล้วเสด็จเข้าจำพรรษาเหนือบัณฑุกัมพลศิลา โคนปาริฉัตตกพฤกษ์ ภายในระยะกาล ๓ เดือน ทรงแสดงพระอภิธรรมกถาแก่เทวดา
ขอเรียนถามว่า เหุตการณ์ทั้งสี่ดังกล่าวข้างบน หาอ่านได้จากพระไตรปิฎกเล่มใดบ้างคะ มีเพื่อนสนใจอยากอ่านค่ะ ...
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
เรียนถามต่ออีกสักเล็กน้อยค่ะ ว่าเหตุการณ์ทั้งสี่นี้ เรียกว่าวันอาสาฬหบูชาทั้งหมดหรือคะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิต ทำให้ได้รู้และระลึกตามได้มากขึ้นกว่าก่อนที่ยังไม่ได้มาศึกษาที่มูลนิธิฯ แต่ช่วยขยายความคำว่า "ฝูงปาณชาติ" ด้วยค่ะ
ขอความกรุณา ช่วยอธิบายให้เข้าใจเพิ่มเติมด้วยค่ะว่า เพราะเหตุใดพระพุทธองค์จึงทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาและขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะที่ได้นำรายละเอียดมาให้ทราบ (ทำให้ได้รู้แบบทางลัดประหยัดเวลาที่ต้องไปค้นเอง)
"... ขอผู้มีศรัทธาจงเปิดประตูรับพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเถิด"
สาธุ
ขออนุโมทนาสาธุแด่ท่านเจ้าของกระทู้ ขอกราบเรียนถาม มีข้อสงสัยในประวัติการเป็นพระพุทธเจ้าดังนี้
๑. การที่ทรงเสด็จมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะพระโพธิสัตว์นั้น ที่เล่าว่า เมื่อถึงเวลาอันควรนั้น กรุณช่วยขยายความด้วยว่า เมื่อใดที่เรียกว่าเวลาอันควรนี้
๒. จากประวัติพระพุทธเจ้า สงสัยว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญเพียรจนได้ฌานสมาบัติ ๘ จากชาติก่อนๆ มาแล้ว หรือว่า ทรงมาศึกษาจากอาจารย์อาฬารดาบส และ อุทกดาบสคะ
๓. เหตุใดท่าน อ.ทั้งสองที่ไปเสวยภพที่อรูปพรหม จึงไม่อาจบรรลุธรรมได้ และเหตุใด พระพุทธองค์ไม่ตามไปเทศนา อ. ทั้งสองในอรูปพรหม ทั้งที่พระพุทธองค์ทรงไปเทศนาพระอภิธัมม ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ถวายพระพุทธมารดาในสวรรค์ ได้
๔. ประวัติการเป็นพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ (ตระกูลศากยะนี้) เป็นมาอย่างไร จะหาอ่านที่เข้าใจง่ายในเว็บนี้มีไหมคะ หรือจากพระไตรปิฎกเล่มไหนคะ
อนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้ ดิฉันขอเรียนถามดังนี้
ที่กล่าวว่าเมื่อถึงเวลาอันควร ก็เทพ ก็ได้มาปฏิสนธิ เป็นพระโพธิสัตว์สิทธัตถะนั้น คำว่าเวลาอันควรนั้นหมายถึงอะไร และ ก่อนที่พระองค์จะมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เราก็ทราบว่าท่านบำเพ็ญมาสิบชาติแต่ก่อนสิบชาตินั้นเล่า ที่ว่าบำเพ็ญมา ๒๐ อสงไขยแสนกัปนี้ หาอ่านได้ที่ไหนคะ
กระผมพลทหาร อานนท์ เทียนมณี ขอขอบพระคุณที่ได้รับสิ่งที่ดีจากบ้านพระธรรมเข้ามาในชีวิตในครั้งนี้มากครับ
ขออนุโมทนา
"พระพุทธเจ้าถวายพระเกศา ๘ เส้น" น่าจะเป็น "พระพุทธเจ้าประทานพระเกศา ๘ เส้น"
ขออนุโมทนาครับ
ขอความสุขความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ใหญ่ราชบุรี--ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
"การอ่านบ่อยๆ ฟังบ่อยๆ แม้เป็นเรื่องราว ตัวตน สัตว์ บุคคล เกี่ยวกับพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ นำมาซึ่งความเข้าใจ ประทับใจ ดื่มด่ำในพระบารมีของพระองค์"
กราบอนุโมทนาในกุศลจิต ค่ะ
คำแปลของพระธรรม (ธัมมจักกัปปวัตตนะ) ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่ปัญจวัคคีย์นั้น อ.ช่วยบอกที่อ่านคำแปลนั้นด้วย
กราบขอบพระคุณค่ะ
"ทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นทางดับกิเลส คือทางที่รู้ความจริงรู้ทุกข์ในขณะนี้ นั่นคือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจธรรม ธรรมทำหน้าที่เองคือสติและปัญญาเกิด เป็นทางสายกลางเพราะไม่ใช่ความพยายามที่ผิด เป็นทางสายกลางเพราะปัญญาเกิดรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
ฟังให้เข้าใจ ไม่ต้องไปนั่ง ไม่ต้องไปพยายามกำหนดรู้ ทางสายกลางจึงเป็นเรื่องละ ละที่จะอยากรู้ ละที่อยากจะพยายามตามรู้ ตามกำหนด เข้าใจถึงความเป็นอนัตตาของสติและปัญญาว่ามีเหตุปัจจัยก็เกิดเอง หน้าที่คือฟังธรรมให้เข้าใจเท่านั้นเพราะฉะนั้นขณะที่สติและปัญญาเกิดรู้ความจริงในขณะนี้ เป็นทางสายกลาง"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ
ขออนุโมทนาและยินดีในความดีทุกประการค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาทุกท่านที่ถามได้ตรงคำตอบ มากค่ะ เป็นธรรมะที่เกิดแต่เหตุปัจจัยจริงๆ เลยค่ะสาธุเจ้าค่ะ