ธรรมะอยากรู้
อยากทราบความหมายคำว่า อจินไตย และ การถอดจิต คืออะไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อจินไตย หมายถึง สิ่งที่ไม่ควรคิดเพราะคิดก็ไม่มีทางรู้ได้ เช่น ปัญญาของพระพุทธเจ้า ไม่มีทางรู้ว่าพระองค์มีปัญญามากเท่าไร หากคิดไปว่า พระองค์มีปัญญาเท่าไรก็ไม่มีทางคิดได้ จึงไม่ควรคิดเพราะคิดอย่างไรก็รู้ไม่ได้ เพราะเกินวิสัยของเรา เมื่อคิดไม่ออกว่า จะทำให้ฟุ้งซ่าน เมื่อคิดมากเข้า ย่อมทำให้ความฟุ้งซ่านเพิ่มขึ้น และย่อมทำให้ถึงความเป็นบ้าได้ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ สิ่งที่ไม่ควรคิดเพราะไม่ใช่ฐานะที่จะรู้ได้ [อจินติตสูตร]
การถอดจิต ทำไม่ได้ จิตเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น ในภพภูมิที่มีขันธ์ 5 จิตเมื่อเกิดขึ้นต้องอาศัยรูปเป็นที่เกิด เพราะฉะนั้นรูปและนามต้องอาศัยกันและกันเกิดขึ้น จะแยกจากกันไม่ได้ จะถอดจิตไปจากกายจึงเป็นไปไมได้ครับ ต้องอาศัยรูปเป็นที่เกิด และจิตเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น ไม่ได้เหมือนวิญญาณล่องลอยไปครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
จิตเกิดที่ไหน ดับที่นั่น เช่น เกิดที่จักขุ ดับที่จักขุ แล้วเกิดที่หทย ดับที่หทย แท้จริง จิตมันเคลื่อนจาก จักขุ ไปยังหทย หรือเปล่าครับ ข้อนี้ มีบาลีกล่าวไว้บ้างหรือไม่ครับ ข้อสังเกต ถ้าจิตมันเคลื่อนที่ จริงๆ มันย่อมไม่ได้เกิดดับครับ มันเป็นแค่วานร ที่โหนไปกิ่งโน้นกิ่งนี้
เรียนความเห็นที่ 2
จิตไม่มีการเคลื่อนที่ ไปที่นั่นที่นี่ครับ เกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น ดังพระพุทธพจน์นี้ครับ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 682 อรรถกถาอุทยัพพยญาณนิทเทส
พระโยคาวจรนั้น เมื่อเห็น ความเกิดและความเสื่อมของขันธ์ ๕ อย่างนี้ ย่อมรู้อย่างนี้ว่าการรวมเป็นกองก็ดี การสะสมก็ดี ย่อมไม่มีแก่ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก่อนแต่ขันธ์เหล่านี้เกิด ชื่อว่าการมา โดยรวมเป็นกอง โดยความสะสม ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่เกิดขึ้น ชื่อว่าการไปสู่ทิศน้อยใหญ่ ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับ ชื่อว่าการตั้งลงโดยรวมเป็นกอง โดยสะสม โดยเก็บไว้ในที่แห่งหนึ่ง ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับแล้ว เหมือนนักดีดพิณ เมื่อเขาดีดพิณอยู่ เสียงพิณก็เกิด มิใช่มีการสะสมไว้ก่อนเกิด เมื่อเกิดก็ไม่มีการสะสม การไปสู่ทิศน้อยใหญ่ของเสียงพิณที่ดับไปก็ไม่มี ดับแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สะสมตั้งไว้ ที่แท้แล้วพิณก็ดี นักดีดพิณก็ดี อาศัยความพยายามอันเกิดแต่ความพยายามของลูกผู้ชายไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ฉันใด ธรรมมีรูปและไม่มีรูป แม้ทั้งหมดก็ฉันนั้นไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ พระโยคาวจรย่อมเห็นด้วยประการฉะนี้แล