การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง

 
เมตตา
วันที่  20 ก.ค. 2553
หมายเลข  16770
อ่าน  9,037

การให้สิ่งของต่างๆ แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากนั้น เป็นการให้ที่ไม่จบสิ้น แต่การให้ผู้นั้นได้เข้าใจพระธรรมจึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด ความทุกข์ยากที่ผู้นั้นได้รับอยู่นั้นเพราะมีเหตุคือ อกุศลกรรมที่เคยทำมา การให้ธรรมะจึงเป็นการให้พ้นจากเครื่องจองจำคือพ้นจากกิเลสทั้งปวง ทุกคนยังเป็นโรค ยังถูกไฟราคะ โทสะ โมหะ เผาอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงต้องอาศัยการฟังพระธรรมและอบรมเจริญปัญญา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นกัลยาณมิตรที่สูงสุด ทรงตรัสรู้พระสัทธรรมให้สัตว์โลกผู้มืดบอดได้เข้าใจพระธรรมความจริง ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามสามารถพันจากทุกข์ต่างๆ ได้เพราะฉะนั้น ผู้ที่ให้ธรรมะที่ถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง จึงจะชื่อว่าเป็นการให้ที่ชนะการให้ทั้งปวง กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และท่านวิทยากรทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงค่ะ

ขอกราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ups
วันที่ 20 ก.ค. 2553

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
govit2553
วันที่ 20 ก.ค. 2553

การให้ธรรมะ เราอาจให้เป็นหนังสือ ซีดี วีซีดี ดีวีดี โดยเราไม่เคยใสบาตรเลยในแต่ละวันแล้วถ้าเราเกิดภพใหม่ ชาติใหม่ ผลกรรมที่เราให้ธรรมะ จะส่งผลมาแบบไหนครับ เราได้ธรรมะ กลับคืน หรืออย่างไรครับ หรือเราได้เป็นอาหาร น้ำ กลับคืนมา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผิน
วันที่ 20 ก.ค. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prachern.s
วันที่ 20 ก.ค. 2553

เรียน ความเห็นที่ 2 ว่าโดยปรมัตถ์ กุศลจิต ให้ผลเป็นกุศลวิบากผลของกุศลกรรมทั้ง ทาน ศีล และภาวนา ย่อมให้ผลทั้งนำเกิดและปวัตติกาลแต่โดยนัยพระสูตรแสดงว่า ผลของทานกุศล คือโภคสมบัติ ผลของศีลกุศลคือ ภพสมบัติ ผลของภาวนา คือ ปัญญา..

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มที่

ทาน ศีล ภาวนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พร้อมเสมอ
วันที่ 20 ก.ค. 2553

สาธุ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
govit2553
วันที่ 20 ก.ค. 2553

เข้าไปอ่านเพิ่มแล้วครับ

สรุป ไม่ให้ทาน มีสิทธิ์อด ครับ

ไม่ให้อาหาร มีสิทธิ์อดอาหาร

ไม่ให้น้ำ มีสิทธิ์อดน้ำ

ไม่ให้ทรัพย์ มีสิทธิ์จน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 20 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 21 ก.ค. 2553

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้อมตธรรม ผู้ที่ให้ธรรมะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจจริงๆ ผู้ที่ให้ธรรมะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงโดยสำคัญว่าถูกต้องก็ไม่ใช่ให้ธรรมะเป็นทาน และยังมีโทษมากอีกด้วย...

มีผู้ให้ธรรมทาน >>>>> พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวก

ผู้รับธรรมทาน >>>>> จะรับได้แค่ไหน..... จะรับได้หรือเปล่า....

....ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 22 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตาด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 22 ก.ค. 2553

ผู้ที่ให้ธรรมทาน ย่อมไม่ขาดการเจริญทานกุศลแน่นอน ไม่ใช่ให้ทานเพราะกลัวอดในภายหน้า แต่ให้เพราะเป็นผู้เชื่อมั่นในกรรมและผลของกรรม ให้เพื่อสละกิเลส ให้เพื่อปรุงแต่งจิตให้เป็นไปในทางกุศลซึ่งประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งหมด ถ้ามีปัญญามาก กุศลประการอื่นๆ ก็เจริญได้มาก ถ้าปัญญาน้อยกุศลประการอื่นๆ ก็เจริญได้น้อย ถ้ามีปัญญาจริงๆ เราจะไม่ทำทานเพราะห่วงอดที่จะได้ผลของทานในอนาคต แต่ทาน คือ การสละ ควรเป็นไปเพื่อการขจัดความตระหนี่และความประมาท ขอให้ศึกษาพระธรรมจนเกิดปัญญาจริงๆ เท่านั้น แล้วกุศลประการอื่นจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ กุศลที่เจริญขึ้นก็เพื่อขัดเกลาอกุศล ไม่ใช่เพื่อพอกพูนอกุศลครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 22 ก.ค. 2553

จึงเจริญกุศลทั้งธรรมธาน อภัยทานและอามิสทาน

ปัญญาทำให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 30 ก.ค. 2553

การให้ธรรมทานก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้โดยง่ายนะคะ

เพราะต้องมีความถึงพร้อมทั้ง "ผู้ให้และผู้รับ"

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chaiyakit
วันที่ 23 ส.ค. 2553

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ