การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
การให้สิ่งของต่างๆ แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากนั้น เป็นการให้ที่ไม่จบสิ้น แต่การให้ผู้นั้นได้เข้าใจพระธรรมจึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด ความทุกข์ยากที่ผู้นั้นได้รับอยู่นั้นเพราะมีเหตุคือ อกุศลกรรมที่เคยทำมา การให้ธรรมะจึงเป็นการให้พ้นจากเครื่องจองจำคือพ้นจากกิเลสทั้งปวง ทุกคนยังเป็นโรค ยังถูกไฟราคะ โทสะ โมหะ เผาอยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงต้องอาศัยการฟังพระธรรมและอบรมเจริญปัญญา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นกัลยาณมิตรที่สูงสุด ทรงตรัสรู้พระสัทธรรมให้สัตว์โลกผู้มืดบอดได้เข้าใจพระธรรมความจริง ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามสามารถพันจากทุกข์ต่างๆ ได้เพราะฉะนั้น ผู้ที่ให้ธรรมะที่ถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง จึงจะชื่อว่าเป็นการให้ที่ชนะการให้ทั้งปวง กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และท่านวิทยากรทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงค่ะ
ขอกราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ ...
การให้ธรรมะ เราอาจให้เป็นหนังสือ ซีดี วีซีดี ดีวีดี โดยเราไม่เคยใสบาตรเลยในแต่ละวันแล้วถ้าเราเกิดภพใหม่ ชาติใหม่ ผลกรรมที่เราให้ธรรมะ จะส่งผลมาแบบไหนครับ เราได้ธรรมะ กลับคืน หรืออย่างไรครับ หรือเราได้เป็นอาหาร น้ำ กลับคืนมา
เรียน ความเห็นที่ 2 ว่าโดยปรมัตถ์ กุศลจิต ให้ผลเป็นกุศลวิบากผลของกุศลกรรมทั้ง ทาน ศีล และภาวนา ย่อมให้ผลทั้งนำเกิดและปวัตติกาลแต่โดยนัยพระสูตรแสดงว่า ผลของทานกุศล คือโภคสมบัติ ผลของศีลกุศลคือ ภพสมบัติ ผลของภาวนา คือ ปัญญา..
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มที่
เข้าไปอ่านเพิ่มแล้วครับ
สรุป ไม่ให้ทาน มีสิทธิ์อด ครับ
ไม่ให้อาหาร มีสิทธิ์อดอาหาร
ไม่ให้น้ำ มีสิทธิ์อดน้ำ
ไม่ให้ทรัพย์ มีสิทธิ์จน
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้อมตธรรม ผู้ที่ให้ธรรมะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจจริงๆ ผู้ที่ให้ธรรมะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงโดยสำคัญว่าถูกต้องก็ไม่ใช่ให้ธรรมะเป็นทาน และยังมีโทษมากอีกด้วย...
มีผู้ให้ธรรมทาน >>>>> พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวก
ผู้รับธรรมทาน >>>>> จะรับได้แค่ไหน..... จะรับได้หรือเปล่า....
....ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...
ผู้ที่ให้ธรรมทาน ย่อมไม่ขาดการเจริญทานกุศลแน่นอน ไม่ใช่ให้ทานเพราะกลัวอดในภายหน้า แต่ให้เพราะเป็นผู้เชื่อมั่นในกรรมและผลของกรรม ให้เพื่อสละกิเลส ให้เพื่อปรุงแต่งจิตให้เป็นไปในทางกุศลซึ่งประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งหมด ถ้ามีปัญญามาก กุศลประการอื่นๆ ก็เจริญได้มาก ถ้าปัญญาน้อยกุศลประการอื่นๆ ก็เจริญได้น้อย ถ้ามีปัญญาจริงๆ เราจะไม่ทำทานเพราะห่วงอดที่จะได้ผลของทานในอนาคต แต่ทาน คือ การสละ ควรเป็นไปเพื่อการขจัดความตระหนี่และความประมาท ขอให้ศึกษาพระธรรมจนเกิดปัญญาจริงๆ เท่านั้น แล้วกุศลประการอื่นจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ กุศลที่เจริญขึ้นก็เพื่อขัดเกลาอกุศล ไม่ใช่เพื่อพอกพูนอกุศลครับ
จึงเจริญกุศลทั้งธรรมธาน อภัยทานและอามิสทาน
ปัญญาทำให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ
ขออนุโมทนา