รู้สึกเสียดาย..
ความรู้สึกเสียดายในผลประโยชน์ที่ผ่านเข้ามา แต่เราได้ปฏิเสธไปกับตัวเลขหกหลักต้น ที่มิใช่การทุจริต แต่เหมือนต่างตอบแทนโดยหน้าที่ เป็นจิต โทสะ ใช่หรือไม่คะ ควรเจริญสติอย่างไร ไม่ให้รู้สึกเสียดาย เพราะแค่ยื่นมือไปรับก็เป็นของเราแล้ว
ถ้าจะเป็นไปตามลำดับ ก็คือ ศึกษาพระธรรม ให้เข้าใจก่อนครับ ไม่ใช่ว่าจะเจริญสติอย่างไร พระธรรมทรงแสดงว่า ทุกขณะเป็นเพียงธรรมะ เสียดายก็เป็นธรรมะ ความรู้สึกเสียดาย ไม่ใช่กุศลธรรม แต่เป็นอกุศลธรรม ไม่ใช่เรา อนึ่ง ถ้าว่าโดยกรรม และผลของกรรม คือ ถ้าเงินก้อนนั้น เป็นของเราไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็เป็นของเรา แต่เพราะไม่ใช่ของเรา จึงเป็นของผู้อื่น ดังนั้น กุศลกรรม ที่ทำให้ได้เงินก้อนนั้น ไม่มี เราจึงไม่ได้ครับ
ความเสียดาย เป็นโลภะ ..คือคิดว่า สิ่งนั้นๆ ควรเป็นของเรา แต่มีเหตุให้ สูญเสียไปทั้งๆ ที่เรายังมีความอยากได้อยู่ จึงอยากได้กลับคืนมา ..คนเราไม่ได้เสียดายเงินหรอก แต่เสียดาย ความสุขสบายที่จะได้จากเงินก้อนนั้นต่างหาก ก็ลองพิจารณาว่า เงินก้อนนั้น ถ้าได้มา ย่อมเพียงแต่นำพาประโยชน์ พาความสุขสบายทางโลกให้กับเราได้ ไม่ใช่สุขทางธรรม ..เป็นความสุขที่ได้มาพร้อมกับ พาเราให้ยึดติดในสุขนั้นๆ ทรัพย์สินเงินทองมีมากก็มีโทษมาก สามารถปรุงเป็นกิเลสได้สารพัด ซึ่งกิเลสก็เป็นเหตุ แห่งทุกข์ทั้งมวล มีทรัพย์มากย่อมต้องหวงแหนมาก มีผู้เบียดเบียนมาก ทรัพย์สินใดๆ ย่อมตกเป็นของๆ โลกนี้อยู่แล้ว ตายไปก็เอาไปไม่ได้เลย สู้เราเอามาแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อสะสมเป็นบุญกุศล ก่อนที่เราจะตาย ยังจะดีเสียกว่า ฯลฯ การสละความสุข โดยไม่เสียดาย เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญอย่างยิ่ง เพราะต้องเป็นผู้เห็นภัย ในความสุขทางโลกจริงๆ จึงจะทำได้โดยไม่เสียดาย
ทำธุรกิจบริการถ่ายเอกสาร ราคาทั่วไป 50 สตางค์ แต่บริการให้ในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ราคา 40 สตางค์ แต่ขอให้ทำรายการว่า เป็น 44 สตางค์ ว่า 4 สตางค์ เป็นสวัสดิการของสถาบัน แล้วหักภาษี ณ ที่จ่ายอีกร้อยละ 1 บาท แล้วขออีก 40 เปอร์เซนต์ ของรายการเวลาลงนามในบิลเบิกจ่าย จดรายละเอียด เก็บทุกบาททุกสตางค์ เอาเงินไปก่อนที่จะจ่ายามถึงเสียอีก แล้วพัสดุขออีก 10 เปอร์เซนต์ของทุกบิล การจ่ายก็ไม่ได้เป็นตามกำหนดค้างชำระ เป็นเรือนแสน มีการมาขู่ว่า ไล่ออกแล้ว เจ้าอื่นมาให้บริการแทน จนต้องงดให้บริการชั่วคราว แล้วค่าเช่าที่เปล่า ไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างต้องมาสร้างซุ้มเล็กๆ เอง คิดเล่นๆ ติดตลกนิดๆ ช่างเหมือนไอติมจริงๆ มาช่วยกันกิน จนเหลือแต่ไม้ไอติม จะเอาอะไรนักหนากับชีวิตล่ะ ดิฉันยังไม่เสียดายเลย ..แล้วคุณยังคิดเสียดายอยู่อย่างนั้นหรือ...ถ้าเป็นกรรมเก่าใช้ในชาตินี้คงไม่หมดหรอก ตั้งแต่เกิดมาคนจำความได้ ก็โดนโกงมาตลอด ก็ยังดีที่มีให้เขาโกง ดีกว่าที่เราจะโกงเขา
ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ ที่ไม่ได้รับเงินนั้นมา แม้จะรู้สึกว่าเสียดาย เดี๋ยวก็หายไป เพราะว่า คุณคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินสักเท่าไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เสียดายเกิดแล้ว จะไม่ให้เสียดายไม่ได้ครับ เสียดายเกิดกับความรู้สึกไม่สบายใจจึงเป็นโทสะ การอบรมเจริญสติ คือเข้าใจความเป็นอนัตตาก่อนครับว่าบังคับให้เสียดาย หรือไม่เสียดายไม่ได้เพราะเป็นอนัตตา การอบรมปัญญาไม่ใช่ไม่ให้สภาพธรรมที่ไม่ดีเกิด เพราะเรามีกิเลสมาก แต่ต้องเข้าใจในสภาพธรรมที่เกิดแล้วครับ เข้าใจว่าเป็นธรรมและเป็นธรรมดาจริงๆ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ผู้ที่ละความเสียดาย ลงเสียได้ ...ก็ย่อมสมควรแก่การอนุโมทนาอย่างยิ่ง ในความเพียรที่จ้องทำลายกิเลสให้สิ้นไป แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะยังมีกิเลสอีกมากมาย นับไม่ถ้วน ที่คอยโอกาสมารบกวนให้ จิตหวั่นไหว
เดี๋ยวเกิด เดี๋ยวดับ สลับกันไปค่ะ
ขออนุโมทนาทุกท่านนะคะที่ให้ความรู้
ความเสียดายเกิดขึ้นเพราะโลภะ โลภะเกิดเพราะสังขาร เขาปรุงแต่งว่า เรามีสิทธิ์ในเงินนั้น เพราะมิใช่ทุจริต (จริงหรือ?) พิจารณาต่อ ถ้าเราเลือกทำ เพราะเงินแสดงว่าโลภะยังอยู่ และสิ่งที่เราทำ แม้ไม่ทุจริตแต่จะไปเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ เช่น เขาเสียโอกาสในการแข่งขัน ถ้าเบียดเบียนเราก็ผิดศีลอีก ฉะนั้น ที่ไม่ทำควรภูมิใจที่ไม่โลภ ไม่ผิดศีล ขออนุโมทนาเมื่อคุณภูมิใจ