ทำไมจึงเพิ่งเข้าใจ

 
kanchana.c
วันที่  25 ก.ค. 2553
หมายเลข  16812
อ่าน  3,082

ทำไมจึงเพิ่งเข้าใจ

ฟังธรรม ศึกษาธรรมมาตั้งแต่เด็ก นับเป็นเวลาหลายสิบปี แต่เพิ่งเข้าใจธรรม (ขั้นการฟัง) ที่ทรงแสดงเหตุและผลของสภาพธรรมนั้นๆ มีแต่ลักษณะสภาพธรรมเท่านั้นที่เกิดปรากฏให้ระลึกศึกษา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแล้วก็ดับไป ไม่มีสภาพธรรมใดกลับมาเกิดซ้ำอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ที่เพิ่งเริ่มเข้าใจก็เพราะยังเจริญเหตุของปัญญาไม่เพียงพอ ได้ฟังคำบรรยาย “แนวทางเจริญวิปัสสนา” ครั้งที่ ๑๘๗๘ ท่านอาจารย์บรรยายไว้ สรุปได้ว่า

เหตุให้เกิดปัญญา มี ๔ ประการ คือ

๑. โดยกรรม

๒. โดยอุปัติ

๓. โดยความแก่รอบแห่งอินทรีย์

๔. โดยความห่างไกลจากกิเลส

โดยกรรม คือ การกระทำ การที่จะเข้าใจพระธรรมที่ลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ตามนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงสี่อสงไขยแสนกัป และในพระชาติสุดท้าย ก็ยังต้องทรงใช้เวลาถึง ๖ ปี ก่อนจะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้วก็ทรงน้อมพระทัยที่จะไม่ทรงแสดงธรรม เพราะว่าพระธรรมนั้นลึกซึ้งและรู้ตามได้ยาก ดังนั้นเมื่อต้องการปัญญา คือ ความเข้าใจสภาพธรรม จึงต้องมีกัลยาณมิตรเพื่อฟัง ศึกษา สนทนา พิจารณา ไต่ถาม

แม้แต่วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษที่ใช้เวลาค้นคว้าไม่นาน ก็ยังต้องเรียนในโรงเรียนหลายปี กว่าจะอ่านออกเขียนได้ ต้องมีครูจับมือฝึกให้เขียน ให้อ่านทีละตัว ทั้งๆ ที่ความรู้นั้นเพียงพอที่จะเลี้ยงอัตภาพในชาตินี้เท่านั้น ก็ยังทุ่มเทสละเวลาเกือบครึ่งชีวิตเพื่อศึกษาเล่าเรียน แต่ธรรมนั้นติดต่อไปตลอดจนกว่าจะหมดภพชาติ ไม่เกิดอีก ก็ยังไม่ให้เวลาศึกษา พิจารณา ค้นคว้าเท่าวิชาการทางโลก ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมปัญญาจึงน้อยนัก เพราะวันหนึ่งๆ ใช้เวลาศึกษา พิจารณาพระธรรมสักกี่นาที บางวันอาจจะไม่เลยก็ได้

โดยอุปัติ การเกิดในประเทศที่สมควร หรือในโลกที่ไม่เบียดเบียน คือ เกิดในที่มีพระธรรม คำสั่งสอนที่ถูกต้อง มีกัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือแนะนำ ชี้ทางถูกทางผิด ซึ่งพวกเราก็โชคดีที่เกิดในประเทศไทย และวิถีชีวิตทำให้ได้พบกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เป็นกัลยาณมิตร ผู้มีเมตตาคอยแนะนำให้ระลึกเสมอว่า “ทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน”

โดยความแก่กล้ารอบแห่งอินทรีย์ ครั้งแรกเมื่อเริ่มฟัง ก็พอใจที่ได้ยินเสียงเพราะๆ ของท่านอาจารย์ และชอบฟังเรื่องราวในพระสูตร โดยเฉพาะชาดก รู้สึกสนุกดี ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดของธรรมที่มีในพระสูตรหรือชาดกนั้นๆ ฟังด้วยความเพลิดเพลินเสียมากกว่า แต่เมื่อฟังหลายๆ ปี ก็เริ่มเข้าใจขึ้น เพราะไม่หยุดฟัง เหมือนต้นไม้ที่เริ่มจากต้นเล็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้น และเมื่อถึงเวลาก็ออกดอกออกผล ขออย่างเดียว คือ อย่าหยุดศึกษา หยุดพิจารณาธรรม

โดยความห่างไกลจากกิเลส ยังไม่หมดกิเลสหรอก แต่อย่าใช้ชีวิตประจำวันคลุกคลีกับกิเลสมากนัก สำหรับตัวเองนั้น ติดไปหมดทุกอย่าง ติดละครโทรทัศน์ ติดหนัง ติดนิยาย ติดเกมส์ ติดรสอร่อย ขวนขวายพากันไปรับประทาน ไกลแค่ไหนก็ไป บางครั้งก็หลงผิดคิดว่าตัวเองทำอาหารบางอย่างอร่อย ก็จะเสียเวลาทั้งวันเพื่อทำมากมาย แล้วก็วิ่งไล่แจก ให้คนชม ถ้าเขาไม่ชมก็โกรธ

ติดทั้งสรรเสริญ ไม่พอใจทั้งนินทา ติดกลิ่นหอมๆ เที่ยวแสวงหาดอกไม้กลิ่นหอมๆ ปลูกไว้รอบบ้าน เมื่อไม่ออกดอก ก็เป็นทุกข์ ติดสิ่งสวยงาม ติดบรรยากาศแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ จึงต้องไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามแต่งบประมาณจะเอื้ออำนวย ก่อนไปก็ตื่นเต้นดี แต่กลับมาก็เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ติดการสัมผัส ต้องหาหมอนวดมาบีบนวดให้ร่างกายได้ผ่อนคลายหายเมื่อยล้า มีแต่เรื่องติด หรือเรื่องไม่พอใจ อย่างมองกระจกเมื่อใส่แว่นตาก็เห็นรายละเอียดมากมาย เห็นผิวหน้า แขนขาของตัวเองแล้ว ดูเหมือนแอปเปิลที่ถูกลืมไว้ในตู้เย็น ๒ – ๓ เดือน ไม่มีน้ำไม่มีนวล ผิวแห้งเห็นเป็นร่องๆ เมื่อเห็นแล้ว แทนที่จะนึกถึงโทษของความชรา กลับคิดจะไปหาโลชั่นดีๆ มาทา เพื่อลบเลือนริ้วรอย มานึกดูก็แปลกนะ ทุกคนอยากมีอายุยืนยาว แต่ทุกคนก็รังเกียจสัญลักษณ์ที่แสดงความมีอายุ

นอกจากนั้นก็ยังวิตกกังวล ถ้าร่างกายมีความปกติเล็กน้อย ก็กลัวจะเป็นโรคร้ายแรง กลัวตายเร็ว และบางครั้งก็กลัวจะอายุยืนยาว เพราะไม่มีลูก กลัวไม่มีใครดูแลยามแก่เฒ่า วันหนึ่งๆ เต็มไปด้วยอกุศลจิต แม้จะเป็นผู้ไม่ประพฤติทุจริตผิดกฎหมายก็ตาม แต่ก็อยู่ใกล้ชิดกิเลสทั้งวัน

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมปัญญา (ขั้นฟัง) เพิ่งเริ่มเกิด ได้พิสูจน์พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคแล้วว่า ผลต้องสมควรแก่เหตุ

เพราะฉะนั้น เมื่อต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ก็ต้องเจริญเหตุให้เกิดปัญญา ไม่ใช่อยากได้ปัญญาโดยไม่รู้เหตุที่จะทำให้เกิดปัญญา ซึ่งก็ต้องอาศัยการอบรมเจริญต่อไปอีกเรื่อยๆ เป็นจิรกาลภาวนา เมื่อเหตุสมควรแก่ผล ปัญญาก็จะเกิดทำกิจของปัญญาคือ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดปรากฏให้ศึกษา ถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตนี้คงจะเป็นชีวิตที่ประเสริฐอย่างแท้จริง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
aiatien
วันที่ 26 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พร้อมเสมอ
วันที่ 26 ก.ค. 2553

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 26 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ และขออนุญาตเรียนถามคุณ kanchana.C ว่า ความติดข้องนั้นได้ลดลงได้อย่างไรบ้างครับ มีความรู้สึกว่ายังติดข้องอยู่ แต่ไม่ทำตามใจ หรือทำแต่มีสติว่ายังติดข้องอยู่ หรือรู้สึกว่าไม่ติดข้องแล้ว ไม่สนใจในสิ่งนั้น ไม่ทำอีก เราจะตรวจสอบอย่างไรครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kanchana.c
วันที่ 26 ก.ค. 2553

เรียนคุณจักรกฤษณ์

ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ะ เพราะปัญญาเพิ่งจะเจริญงอกเป็นตุ่มเล็กๆ ยังไม่เกิดดอกออกผลทำกิจของปัญญาแต่อย่างไร เพียงเข้าใจขั้นการฟัง แล้วก็พอจะรู้สึกว่ามีกิเลสหนาแน่นตลอดเวลาเท่านั้นเอง ยังไม่ประจักษ์ลักษณะของกิเลสขณะที่กำลังปรากฏ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะปัญญายังไม่มากพอที่จะทำกิจของปัญญา ก็ต้องเป็นอย่างนี้ ยังละคลายอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว เพียงแต่มั่นใจว่า นี่เป็นหนทางที่ถูกต้องที่จะต้องเพียรฟัง เพียรศึกษาจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ แล้วสติก็จะเกิดทำกิจระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตรงลักษณะจริงๆ แล้วปัญญาก็จะทำกิจรู้แล้วละเองค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
aditap
วันที่ 26 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chaiyakit
วันที่ 27 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาเช่นกันครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 27 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณ คุณ Kanchana. C ครับ ที่ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น เพราะผมก็ยังละอะไรไม่ได้เช่นกัน ทำให้รู้ว่าปัญญายังไม่พร้อม ได้เพียงแต่คิดพิจารณาเท่านั้น เมื่อจะละ จะห้าม จะไม่ทำ ในสิ่งที่ติดข้อง ก็จะรู้สึกถึงความไม่อยากละ ไม่พอใจที่จะละ เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอะไรได้เยอะทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้มากขึ้น คือ ความเข้าใจยังไม่ถึงขั้น แต่ยังเป็นตัวตนอยู่ทั้งก้อนเลยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 27 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
sulome
วันที่ 27 ก.ค. 2553

ขอบคุณมากครับป้าแดง และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
รากไม้
วันที่ 27 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนา ในความเพียรศึกษาพระธรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pamali
วันที่ 28 ก.ค. 2553
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 28 ก.ค. 2553

ขณะนี้ "เข้าใจ" ว่า สิ่งที่ "ยังไม่เข้าใจ" มีอยู่มากมาย จริงๆ ครับ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
bsomsuda
วันที่ 30 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณพี่แดงและคุณรากไม้ และขออนุโมทนาค่ะ อ่านแล้วทำให้รู้เรื่อง "สิ่งที่เป็นปัจจัย" ให้เกิด "ปัญญา" และแนวทางใช้ชีวิตประจำวันเพื่อเจริญปัญญา ในขณะที่ยังเป็นตัวตน

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
อภิรมย์
วันที่ 30 ก.ค. 2553

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก ขอบคุณทุกความเห็นที่ทำให้ฉุกคิดได้อีกหลายเรื่องที่หลายครั้งก็หลง และลืมตัวอยู่บ่อยๆ กับชีวิตประจำวัน

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
สากล
วันที่ 30 ก.ค. 2553

ถ้าไม่รู้ต้องศึกษาให้มาก เมื่อรู้แล้วต้องปฏิบัติให้มาก รู้แล้วไม่ปฏิบัติก็เหมือนไม่รู้ ปฏิบัติโดยไม่รู้ก็เหมือนไม่ได้ปฏิบัติ ทั้งรู้และปฏิบัติจึงจะได้สัมผัสผล...เริ่มเลยครับ..สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ประสาน
วันที่ 30 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Jans
วันที่ 31 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Komsan
วันที่ 31 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
ajarnkruo
วันที่ 1 ส.ค. 2553

"ทำไมจึงเพิ่งเข้าใจ?" ขออนุญาตตอบคำถามของอาจารย์กาญจนาแบบซื่อๆ เลยว่า "เพราะเพิ่งจะมีเหตุปัจจัยให้เพิ่งเข้าใจ"

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
เมตตา
วันที่ 5 ต.ค. 2553

กราบอนุโมทนาพี่แดงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
สุรศักดิ์
วันที่ 5 ต.ค. 2553

ขอขอบคุณทุกท่านมาก และขออนุโมทนาครับ เพิ่งเข้าใจจริงๆ ว่าปัญญาเกิดจากอะไร

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
pornpaon
วันที่ 6 ต.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 5 พ.ย. 2553
อนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 3 พ.ย. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 6 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

ด้วยความเคารพจาก ใหญ่ราชบุรี-ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
ms.pimpaka
วันที่ 3 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
peem
วันที่ 4 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 30  
 
thilda
วันที่ 11 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 31  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 32  
 
Somporn.H
วันที่ 12 พ.ค. 2562

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 33  
 
chatchai.k
วันที่ 8 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 34  
 
Witt
วันที่ 24 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 35  
 
มังกรทอง
วันที่ 24 เม.ย. 2564

กว่าจะ ... เห็น (รู้) เข้าใจ ได้ยิน (รู้) เข้าใจ ว่าทุกอย่างไม่ใช่เรา ก็ฟังแล้วฟังอีก ไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 36  
 
Jarunee.A
วันที่ 8 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ