ระลึกคิด คิดเพราะจำ
ข้อความบางตอนจาการสนทนาธรรมโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เวลาที่เกิดตรึกนึกขึ้นมาครั้งใด ควรที่สติจะระลึกรู้ว่า ขณะนั้นเป็นแต่เพียงสภาพคิด ความคิดทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะสัญญาความจำ ถ้าไม่จำเรื่องนั้นไว้ ก็ไม่คิดเรื่องนั้น เพราะฉะนั้น ขณะใดที่คิดเรื่องใด หมายความถึงขณะนั้น มีสัญญาความจำเรื่องนั้น เป็นปัจจัยให้คิดเรื่องนั้นเท่านั้นเอง ถ้าสติเกิดขึ้นสามารถที่จะระลึกรู้ ความจริงของสภาพคิดนึกว่า แท้ที่จริงแล้วในขณะนั้น ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลใดๆ ทั้งสี้น มีแต่สภาพคิด ที่กำลังคิดเรื่อง ด้วยความทรงจำ บุคคลทั้งหลาย ไม่มีจริงในขณะนั้น เป็นแต่เพียงสภาพจิตที่คิดถึงเรื่องในขณะนั้น ด้วยความทรงจำในเรื่องนั้นเท่านั้น สัตว์บุคคลตัวตนนี่ จะหายไปหมดเลย เพราะเหตุว่าเป็นแต่เพียงสภาพคิด มีแต่เพียงเรื่องราวต่างๆ เป็นอารมณ์ของจิตที่คิด ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนจริงๆ เลย เป็นแต่เพียงเรื่องที่ทรงจำไว้ แล้วก็เป็นอารมณ์ของจิตที่กำลังคิด เพราะฉะนั้น ท่านอยู่บุคคลเดียวในขณะที่สติเกิดขึ้น ไม่มีคนอื่น ไม่มีใครอื่นเลย เป็นแต่เพียงนามธรรมที่เกิดขึ้น แล้วก็รู้สภาพธรรมที่ปรากฏต่างๆ กัน
ถ้าสติเกิดขึ้นสามารถที่จะระลึกรู้ ความจริงของสภาพคิดนึกว่า แท้ที่จริงแล้วในขณะนั้น ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลใดๆ ทั้งสี้น มีแต่ สภาพคิด ที่กำลังคิดเรื่อง ด้วยความทรงจำบุคคลทั้งหลาย...
...ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ...
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพบูชาอย่างยิ่ง
และขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
จาก ข้อความดังกล่าว แสดงว่า ถ้าเราคิด แต่ถึงแม้มีสติระลึกรู้ความคิดนั้น ถ้ายังเห็นว่ายังเป็นเรา มีเราเป็นผู้คิดอยู่ ยังเป็นการเห็นที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเป็นการเห็นที่ประกอบด้วยปัญญา เมื่อสติระลึกรู้ จะประจักษ์ว่า ไม่ใช่เราคิด แต่เป็นเพียงสภาพธรรม ไม่อยู่ในบังคับบัญชา มีปัจจัยก็เกิด ไม่มีปัจจัยก็ไม่เกิด ไม่ใช่เราคิด จะเป็นการเห็น ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ และ การระลึกรู้สภาพธรรมใดๆ ก็ตาม ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ของสภาพธรรมนั้นๆ ก็แสดงว่าเป็นการเห็นที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ใช่หรือไม่ครับ
รบกวนขอความเห็นด้วยครับ