พระพุทธศาสนายังไม่เสื่อมไปไหน

 
tanaphom
วันที่  7 ส.ค. 2553
หมายเลข  16883
อ่าน  1,578

หลายท่านที่ได้ยินว่าพระพุทธศาสนาเสื่อม การที่จริงแล้ว พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นใดในโลกนี้ (คำสั่งสอน) ไม่น่าจะเสื่อมไป ที่ว่าเสื่อมนั้นเพราะคนไม่เข้าไปศึกษา ไม่เข้าไปทำความรู้จัก หรือไม่ให้ความสนใจ ก็เลยบอกว่าศาสนาเสือม ถ้าคนไหนไม่มีทองใส่หรือไม่มีเพชรใส่ เราจะบอกว่าทองเสื่อมเพชรไม่มีได้ไหม ที่เขาไม่มีใส่ก็เพราะเขาไม่มีเงินซื้อ ทองก็ยังเป็นทอง เพชรก็ยังเป็นเพชรอยู่ เพียงแต่คนไม่มีเงินซื้อใส่ ก็เหมือนคนไม่สนใจเรื่องพระศาสนา ก็ไปว่าศาสนาเสื่อม ไป (คำสั่งสอน) และหลักการต่างๆ ยังอยู่เหมือนเดิม หรือท่านอื่นจะว่ายังไง?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 8 ส.ค. 2553
พระพุทธศาสนาคือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า (ไตรสิกขา) เจริญเพราะมีผู้เข้าใจและปฏิบัติตาม เสื่อมเพราะไม่มีผู้เข้าใจและไม่มีผู้ปฏิบัติตาม อันที่จริงสัตว์ทั้งหลายเสื่อมจากศาสนา เพราะศาสนาไม่มีอยู่ในใจคน จึงมีสำนวนพูดว่าศาสนาเสื่อม..
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 8 ส.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นเรื่องของรูปธรรม แต่พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของนามธรรม

คือ จิต เจตสิกของแต่ละคนที่มีความเข้าใจพระธรรมหรือไม่เข้าใจพระธรรม รูปธรรมที่

ยกตัวอย่างมา เช่น ทอง ที่เป็นการประชุมรวมกันของรูปธรรมต่างๆ มี ธาตุดิน เป็นต้นก็

ยังเสื่อมไปเช่นกัน แต่ต้องอาศัยระยะเวลา เพียงระยะเวลาสั้นด้วยการมองด้วยตาเปล่า

ย่อมไม่เห็นถึงความเสื่อม แต่ในความเป็นจริงแล้ว รูปก็ย่อมเกิดดับเป็นธรรมดา รูปจึง

เสื่อมไปเป็นธรรมดา ทำให้เห็นทองเก่าลง สีคล้ำลงนี่แสดงถึงความเสื่อมไปของ

รูปธรรมแล้ว พระศาสนาไม่ใช่รูปธรรม ศาสนาจะเจริญก็เพราะมีผู้เข้าใจพระธรรมแล้ว

น้อมปฏิบัติตามพระธรรม จนมีการบรรลุ เป็นต้น ส่วนศาสนาเสื่อมเพราะใจของแต่ละ

คนไมได้เข้าใจพระธรรมและไม่น้อมปฏิบัติตามพระธรรม ใจของบุคคลนั้นจึงเสื่อมจาก

คุณธรรม ความดี พระศาสนาจึงเสื่อมเพราะใจเสื่อมจากคุณธรรม ความดีและเสื่อมจาก

ความเห็นถูกนั่งเอง เพราะฉะนั้นคำสอนมีอยู่แต่บุคคลไม่เข้าใจหรือไม่น้อมประพฤติ

ปฏิบัติตามพระธรรม พระศาสนาคือคุณความดีและความเห็นถูกจึงเสื่อมไปจากใจของ

แต่ละคนครับ ขออนุโมทนา

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 159

ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้พระสัทธรรมเสื่อมและมั่นคงเพราะคุณธรรมภายในตน

[๑๑๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง เป็นไปเพื่อความ

ที่เสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความประมาท ดูก่อนภิกษุทั้ง

หลาย ความประมาทย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม. [๑๑๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้ อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อ

ความเสื่อมสูญเพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูก่อน

ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้เกียจคร้าน ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความ

อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[๑๑๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย.......เหมือนความเป็นผู้มักมาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ความเป็นผู้มักมาก ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม.

[๑๒๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย......เหมือนความเป็นผู้ไม่สันโดษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ความเป็นผู้ไม่สันโดษ ...... ความอันตรธานแห่งสัทธรรม.[๑๒๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย .....เหมือนการใส่ใจโดยไม่แยบคาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายการใส่ใจโดยไม่แยบคาย.............. เพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม.

[๑๒๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย......เหมือนความเป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ความเป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญเพื่อความอันตรธาน แห่งสัทธรรม.

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
รากไม้
วันที่ 9 ส.ค. 2553

พระธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ไม่ตั้งอยู่ไม่ได้ ในใจของผู้ ใฝ่ความเจริญทางโลก หากความเจริญทางโลก มากเกินไป พระธรรมคำสั่งสอน ย่อมเสื่อมไป เพราะขาดคนสนใจแต่โลกนี้ ไม่น่าจะขาดผู้ที่มีปัญญา ที่จะศึกษาพระธรรมจนเข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะยาก เพราะเป็นเรื่องนามธรรม ...ผู้ที่ตั้งจิตไว้โดยชอบแล้ว ผู้ใฝ่ธรรม ย่อมมีธรรมย่อมเจริญงอกงาม ในใจของผู้นั้น เป็นเหตุให้พ้นจากทุกข์ ไม่มากก็น้อย แล้วแต่ปัจจัย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chaiyakit
วันที่ 10 ส.ค. 2553

...............พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีวันเสื่อม..............

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 12 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Endeavor
วันที่ 14 ส.ค. 2553

ข้อความจาก พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ ภิกขุนิกขันธก วรรณนา มีว่า

" แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความ
แตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น. แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่
สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วย
อำนาจแห่งพระอนาคามี, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน, รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม
จักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.

ฝ่ายพระปริยัติธรรม จักตั้งอยู่เช่นนั้นเหมือนกัน. เมื่อปริยัติไม่มี
ปฏิเวธจะมีไม่ได้เลย เมื่อปริยัติมี ปฏิเวธจะไม่มี ก็ไม่ได้. แต่เมื่อปริยัติ
แม้เสื่อมสูญไปแล้ว เพศจะเป็นไปตลอดกาลนานฉะนี้แล."

ทุกท่านมีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 15 ส.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ 6

ปฏิเวธคือ การบรรลุธรรมจะอันตรธานไป เมื่อห้าพันปี คือพระโสดาบันคนสุดท้ายสิ้นชีวิตลงเมื่อพันปีที่ห้าเป็นอันว่าปฏิเวธคือการบรรลุธรรมได้อันตรธานหมดสิ้นคือไม่มีผู้บรรลุอีก และผู้บรรลุคนสุดท้าย ได้สิ้นชีวิตลงครับ ปริยัติธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นมูลเป็นเหตุของอันตรธานทั้งหมด เมื่อไม่มีปริยัติ ก็ไม่มีการบรรลุธรรมได้เลย เพราะฉะนั้นการฟังธรรมให้เข้าใจเพราะมีพระธรรมจึงเป็นประโยชน์อย่ายิ่งในการเกื้อกูลปัญญาให้เจริญ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 19 ส.ค. 2553

พระธรรม....ไม่เสื่อม

แต่ ผู้เข้าใจพระธรรม...น้อยลง ตามเหตุ ตามปัจจัย.

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ