ผู้เที่ยวไปคนเดียวเหมือนนอแรด [ขัคควิสาณสูตรที่ ๓]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 94
ขัคควิสาณสูตรที่ ๓
ว่าด้วยผู้เที่ยวไปคนเดียวเหมือนนอแรด
[๒๙๖] บุคคลวางอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ไม่เบียดเบียนบรรดาสัตว์เหล่านั้น แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตร จะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน พึงเที่ยวไป ผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น ความเยื่อใย ย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องกัน ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้นตามความเยื่อใย บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลอนุเคราะห์มิตรสหาย เป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์แล้ว ชื่อว่าย่อมยังประโยชน์ให้เสื่อม บุคคลเห็นภัยคือ การยังประโยชน์ ให้เสื่อมในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลข้องอยู่แล้ว ด้วยความเยื่อใย ในบุตรและภริยา เหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยวก่ายกัน ฉะนั้น บุคคลไม่ข้องอยู่เหมือนหน่อไม้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. เนื้อในป่าที่บุคคลไม่ผูกไว้แล้ว ย่อมไปหากินตามความปรารถนา ฉันใด นรชนผู้รู้แจ้ง เพ่งความประพฤติตามความพอใจ ของตน พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. การปรึกษาในที่อยู่ ที่ยืน ในการไป ในการเที่ยว ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย บุคคลเพ่งความประพฤติตามความพอใจ ที่พวกบุรุษชั่วไม่เพ่งเล็งแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. การเล่น การยินดี ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย อนึ่ง ความรักที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมีในบุตรทั้งหลาย บุคคลเมื่อเกลียดชัง ความพลัดพรากจากสัตว์ และสังขารอันเป็นที่รัก พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลย่อมเป็นอยู่ตามสบาย ในทิศทั้งสี่และไม่เดือดร้อน ยินดีด้วยปัจจัยตามมี ตามได้ ครอบงำเสียซึ่งอันตราย ไม่หวาดเสียว พึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. แม้บรรพชิตบางพวกก็สงเคราะห์ได้ยาก อนึ่ง คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนสงเคราะห์ได้ยาก บุคคลเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ในบุตรของผู้อื่น พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. นักปราชญ์ละเหตุอันเป็นเครื่องปรากฏแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้นทองหลางมีใบร่วงหล่น ตัดเครื่องผูกแห่งคฤหัสถ์ได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. ถ้าว่าบุคคลพึงได้สหายผู้มีปัญญา เครื่องรักษาตน ผู้เที่ยวไปร่วมกันได้มีปรกติ อยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้ พึงครอบงำอันตรายทั้งปวง เป็นผู้มีใจชื่นชม มีสติ เที่ยวไปกับสหายนั้น. หากว่าบุคคลไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญาเครื่องรักษาตน ผู้เที่ยวไปร่วมกันได้ มีปรกติอยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้ พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว ดุจพระราชาทรงละ แว่นแคว้นอันพระองค์ทรงชนะแล้วเสด็จไปแต่ผู้เดียว ดุจช้างชื่อมาตังคะละโขลงเที่ยว อยู่ในป่าแต่ตัวเดียว ฉะนั้น
เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์ เป็นต้น พึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว พึงเป็น ผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลแลดูกำไลทองทั้งสองอันงาม ผุดผ่อง ที่บุตรแห่งนายช่างทองให้สำเร็จ ด้วยดีแล้ว กระทบกันอยู่ในข้อมือ พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
การที่เราจะพึงพูดจากับพระกุมารที่สอง หรือการข้องอยู่ด้วยอำนาจแห่งความเยื่อใย พึงมีได้อย่างนี้ บุคคลเล็งเห็นภัยนี้ ในอนาคต พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. ก็กามทั้งหลายงามวิจิตร มีรสอร่อย เป็นที่รื่นรมย์ใจ ย่อมย่ำยีจิตด้วยรูปแปลกๆ บุคคลเห็นโทษในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลเห็นภัยคือ จัญไร ฝี อุปัทวะ โรค ลูกศร และความน่ากลัวนี้ ในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลพึงครอบงำอันตรายเหล่านี้แม้ทั้งปวงคือ หนาว ร้อน หิว ระหาย ลม แดด เหลือบและสัตว์เสือกคลานแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลพึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด เปรียบเหมือนช้างใหญ่ที่เกิดในตระกูลปทุม มีขันธ์เกิดขึ้นแล้ว ละโขลง อยู่ในป่าตามอภิรมย์ ฉะนั้น. บุคคลพึงใคร่ครวญถ้อยคำของพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ว่า การที่บุคคลผู้ยินดีแล้วด้วยการคลุกคลีด้วยคณะจะพึงบรรลุวิมุตติ อันมีในสมัยนั้นไม่ เป็นฐานะที่จะมีได้พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. เราล่วงพ้นทิฏฐิอันเป็นข้าศึกได้แล้ว ถึงความเป็นผู้เที่ยง ได้มรรคแล้ว เป็นผู้มีญาณเกิดขึ้นแล้ว อันผู้อื่นไม่พึงแนะนำ พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่หลอกลวง ไม่มี ความกระหาย ไม่ลบหลู่ มีโมหะดุจน้ำฝาด อันกำจัดเสียแล้ว ไม่มีความอยาก ครอบงำ โลกทั้งปวงได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. กุลบุตรพึงเว้นสหายผู้ลามก ไม่พึง เสพด้วยตนเอง ซึ่งสหายผู้ชี้บอกความ ฉิบหายมิใช่ประโยชน์ ผู้ตั้งอยู่ในกรรมอันไม่เสมอ ผู้ข้องอยู่ ผู้ประมาท พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลพึงคบมิตรผู้เป็นพหูสูตทรงธรรม ผู้ยิ่งด้วยคุณธรรม มีปฏิภาณ รู้จักประโยชน์ทั้งหลาย กำจัดความสงสัยได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. ยินดีน้อย มีทุกข์มาก ดุจหัวฝี ดังนี้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลพึงทำลายสังโยชน์ทั้งหลายเสีย เหมือนปลาทำลายข่าย เหมือนไฟไม่หวนกลับมาสู่ที่ไหม้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลผู้มีจักษุทอดลงแล้ว ไม่คะนองเท้า มีอินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว มีใจอันรักษาแล้ว ผู้อันกิเลสไม่รั่วรดแล้ว และอันไฟ คือกิเลสไม่แผดเผาอยู่ พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลละเพศแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้นทองหลางมีใบร่วงหล่นแล้วนุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. ภิกษุไม่กระทำความยินดีในรสทั้งหลาย ไม่โลเล ไม่เลี้ยงคนอื่น มีปกติเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก ผู้มีจิตไม่ผูกพันในตระกูล พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลละธรรมเป็นเครื่องกั้นจิต ๕ อย่าง บรรเทาอุปกิเลสทั้งปวงแล้ว ผู้อันทิฏฐิไม่อาศัย ตัดโทษคือความเยื่อใยได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลละสุข ทุกข์ โสมนัสและ โทมนัสในกาลก่อนได้ ได้อุเบกขาและสมถะ อันบริสุทธิ์แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลปรารภความเพียรเพื่อบรรลุปรมัตถประโยชน์ มีจิตไม่หดหู่ มีความ ประพฤติไม่เกียจคร้านมีความบากบั่นมั่นคง ถึงพร้อมแล้วด้วยกำลังกายและกำลังญาณ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน มี ปกติประพฤติธรรม อันสมควรเป็นนิตย์ในธรรมทั้งหลาย พิจารณาเห็นโทษในภพทั้งหลาย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลผู้ปรารถนาความสิ้นตัณหา พึงเป็นผู้ไม่ประมาท ไม่เป็นคนบ้าคนใบ้ มีการสดับ มีสติ มีธรรมอันกำหนดรู้แล้ว เป็นผู้เที่ยง มีความเพียร พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลไม่สะดุ้งในธรรมมีความไม่ เที่ยงเป็นต้น เหมือนราชสีห์ไม่สะดุ้งในเสียง ไม่ข้องอยู่ ในธรรมมีขันธ์และอายตนะ เป็นต้น เหมือนลมไม่ข้องอยู่ในข่าย ไม่ติด อยู่ด้วยความยินดี และความโลภ เหมือน ดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
บุคคลพึงเสพเสนาสนะอันสงัด เป็น ผู้เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด เหมือน ราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำลัง ข่มขี่ครอบงำหมู่เนื้อเที่ยวไป ฉะนั้น. บุคคลเสพอยู่ซึ่งเมตตาวิมุตติ กรุณาวิมุตติ มุทิตาวิมุตติ และอุเบกขาวิมุตติ ในกาลอันควร ไม่ยินร้ายด้วยโลกทั้งปวง พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว ทำลายสังโยชน์ทั้งหลายแล้ว ไม่สะดุ้งใน เวลาสิ้นชีวิต พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน นอแรด ฉะนั้น. มนุษย์ทั้งหลายผู้ไม่สะอาด มีปัญญา มุ่งประโยชน์ตน ผู้ไม่มีเหตุ ย่อมคบหาสมาคม มิตรผู้หาได้ยากในทุกวันนี้ เพราะมีเหตุ เป็นประโยชน์ บุคคลพึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
จบ ขัคควิสาณสูตรที ๓