ชื่อ มีไว้สำหรับเรียกกัน

 
khampan.a
วันที่  20 ส.ค. 2553
หมายเลข  17001
อ่าน  2,247

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๕๖ หน้าที่ ๓๗๒

ข้อความบางตอนจาก ...

ชาตกัฏฐกถา อรรถกถา ขุททกนิกาย ชาดก

นามสิทธิชาดก

ธรรมดา คนเราถึงจะชื่อว่า ชีวก (บุญรอด) ก็ดี จะชื่อว่า อชีวก (ไม่รอด) ก็ดี ก็ตายทั้งนั้น ชื่อ เป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ถึงจะชื่อว่า ธนปาลี (คนรวย) ก็ดีจะชื่อว่า อธนปาลี (คนจน) ก็ดี ก็เป็นคนเข็ญใจได้ทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ถึงจะชื่อว่า ปันถกะ (ผู้ชำนาญในหนทาง) ก็ดี แม้จะชื่อว่า อปันถกะ (ผู้ไม่ชำนาญในหนทาง) ก็ดี ก็หลงทางได้เหมือนกัน ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ความสำเร็จเพราะชื่อ มิได้มีเลย ความสำเร็จมีได้เพราะการกระทำเท่านั้น

คนเราทุกคนที่เกิดมา แรกสุดทีเดียวบิดา มารดา หรือ ญาติผู้เป็นที่เคารพนับถือ ก็จะตั้งชื่อให้ เพื่อสำหรับเรียก ว่า คนนี้ ชื่อนี้ คนนั้น ชื่อนั้น เป็นต้น บางคนติดในชื่อมากเลย ต้องชื่อนี้เท่านั้น ชื่ออื่นไม่ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้แต่เพียงชื่อก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเหลือเกิน แต่ความจริงที่ทุกคนควรจะได้พิจารณา คือ จะชื่ออะไรก็ได้ไม่สำคัญ เพราะเหตุว่า ชื่อ ก็คือ ชื่อ เปลี่ยนชื่อได้ แต่เปลี่ยนอุปนิสัยไม่ได้ เปลี่ยนความเป็นบุคคลนี้ ไม่ได้ นอกจากว่าบุคคลนั้น จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญา ความเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ จากที่เป็นผู้มากไปด้วย กุศลประการต่างๆ ก็จะเป็นผู้น้อมไปในกุศลยิ่งขึ้น สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดียิ่งขึ้นต่อไปได้

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ซึ่งเป็นความจริง เป็นสัจจธรรม คนอื่นไม่สามารถจะมาสอนหรือแสดงได้เลย และที่สำคัญ บุคคลผู้ศึกษา จะต้องเป็นผู้มีความมั่นคง มี จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษา ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ สักการะ หรือ แม้แต่คำชม จากการที่ได้ศึกษาพระธรรม

แต่ศึกษา เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้นจริงๆ พระธรรม เป็นเรื่องละ ไม่ใช่เรื่องติดข้องต้องการ เป็นเรื่องละตั้งแต่ต้น กล่าวคือ ละความเห็นผิด ละกุศลทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นธรรมฝ่ายไม่ดี ซึ่งคนอื่นจะละให้เราไม่ได้เลย บิดา มารดา ครูอาจารย์ ก็ไม่สามารถละให้เราได้ ตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องพิจารณาและแก้ไข ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นโทษ เห็นภัย ของกุศลตามความเป็นจริงว่า เป็นโทษ เป็นภัย ให้ผลเป็นทุกข์ จึงไม่ควรจะสะสมให้มีมากขึ้น โดยที่ไม่มีตัวตนที่ไปละ ไม่มีตัวตนที่ไปทำ แต่เป็นเพราะธรรมฝ่ายดี คือ กุศลธรรม เกิดขึ้น เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ละกุศล นั่นเอง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดในฐานะใด ตระกูลใด มีชื่ออย่างไร ไม่ใช่เครื่องกั้นของการเจริญขึ้นแห่งปัญญาเลย สำคัญอยู่ที่ จะเห็นความสำคัญของความเข้าใจพระธรรม หรือไม่ เพราะเหตุว่า พระธรรม ไม่สาธารณะ (คือไม่ทั่วไป) กับทุกคน ผู้สะสมบุญมาเท่านั้น ที่จะเห็นประโยชน์ และพร้อมที่จะรับฟัง ซึ่งจะเป็นผู้ ได้สาระจากพระธรรมอย่างแท้จริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 20 ส.ค. 2553

การได้มาพบกัน ได้มาเจอกัน เป็นญาติทางธรรม ได้มาศึกษาพระธรรมร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บุคคลนั้นต้องสะสมบุญกุศลมามากๆ จึงได้มาพบพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 20 ส.ค. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
aiatien
วันที่ 20 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Yongyod
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 21 ส.ค. 2553

"...โดยที่ไม่มีตัวตนที่ไปละ ไม่มีตัวตนที่ไปทำ แต่เป็นเพราะธรรมฝ่ายดี คือ กุศลธรรมเกิดขึ้น เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ละกุศล นั่นเอง..."

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bsomsuda
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขอบพระคุณมากสำหรับทุกถ้อยคำ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 ส.ค. 2553

บัญญัติจะสำคัญอะไร ถ้าเข้าใจความจริง

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
raynu.p
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
hadezz
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ผิน
วันที่ 21 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chaiyut
วันที่ 22 ส.ค. 2553

เราอยู่ในโลกของชื่อ โลกของบัญญัติมานาน เรายึดถือว่าชื่อมีจริง บัญญัติเป็นของจริง เราจึงเป็นทุกข์ เป็นสุข ยินดี ยินร้าย เพราะความติดและความไม่รู้ในเหตุปัจจัยให้มีชื่อ ความจริงแล้วทุกอย่างเป็นแต่เพียงสภาพธรรม ที่ปรากฏกับโลกแตละทางแล้วก็ดับไปเท่านั้น "ชื่อ" มีเพราะมี "ธรรม" "ชื่อ" มีเมื่อ "คิด" คิดเป็นตัวจริงของสภาพธรรม ชื่อไม่ใช่ตัวจริง

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pirmsombat
วันที่ 22 ส.ค. 2553

ไพเราะทั้งอรรถและพยัญชนะครับ เป็นประโยชน์สุขเกื้อกูลแก่ผู้สนใจใฝ่ศึกษาพระธรรม

ขอออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลกรรมและปัญญาของ คุณคำปั่น มากครับ

"ชื่อย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งปวงยิ่งกว่าชื่อไม่มี"

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
สมศรี
วันที่ 22 ส.ค. 2553

เมื่อพูดถึงชื่อ เป็นการบัญญัติ เพื่อเรียกแทนบุคคลหรือสัตว์ สิ่งของนั้นๆ ขึ้นมา ก็ทำให้นึกถึงธรรมที่ว่า ธรรมทั้งหลาย ย่อมจำแนกได้เป็น 2 อย่าง คือ บัญญัติธรรม และปรมัตถธรรม การศึกษาอบรม เกี่ยวกับปรมัตถธรรม ถ้าไม่อาศัยบัญญัติก็จะไม่เข้าใจเรื่องราวใดๆ จึงสนใจที่จะเรียนถามว่า สภาพธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มีความจำเป็นหรือไม่ อย่างใด ถ้าจะระลึกสภาพธรรมอยู่กับปรมัตถธรรม ที่ไม่มีเราตลอด และมีความเกี่ยวข้องกับการเจริญสติปัฏฐานหรือไม่ กรุณาให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

ขอขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
aditap
วันที่ 22 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Komsan
วันที่ 22 ส.ค. 2553

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
เมตตา
วันที่ 22 ส.ค. 2553

เพราะการเกิดดับสืบต่อย่างรวดเร็วของปรมัตถธรรม ... จึงเห็นเป็นนิมิต เมื่อมีนิมิต ... จึงมีบัญญัติ สัตว์ บุคคล สิ่งของ ชื่อ เรื่องราวต่างๆ

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
captpok
วันที่ 23 ส.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 24 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Khaeota
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนศึกษาธรรม ชีวิตก็สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไร้สาระไปวันๆ พอมีโอกาสได้พบพระธรรมที่ ท่านอ. สุจินต์ เมตตานำมาแสดงยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าใจว่า ที่เคยสุข ทุกข์ ไร้สาระ ก็มาจาก ความรำรวยอกุศลธรรมยิ่งฟังก็ยิ่งให้เข้าใจว่า ยากจน และขัดสน ปัญญาไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนแต่ทั้งวัน ก็เห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน

บัญญัติ ไม่มีจริงแต่วันๆ ก็มีแต่บัญญัติเป็นอารมณ์แม้จะมั่นคง อดทน ศึกษาธรรมด้วยความเห็นถูก แต่ก็อาจหาญร่าเริง ... และรู้ว่า สังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวนาน ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
michii
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
h_peijen
วันที่ 26 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
orawan.c
วันที่ 12 ก.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
pamali
วันที่ 24 ธ.ค. 2555
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
ประสาน
วันที่ 24 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ