ความลับ

 
จักรกฤษณ์
วันที่  24 ส.ค. 2553
หมายเลข  17035
อ่าน  1,971

ขออนุญาตเรียนสอบถามท่านวิทยากรว่า คำกล่าวว่า "ความลับไม่มีในโลก" มีปรากฏในพระคัมภีร์และอรรถกถาหรือไม่ครับ หากมี ท่านให้คำอธิบายไว้อย่างไรครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 24 ส.ค. 2553

พบข้อความดังกล่าวในอธิปไตยสูตร ในอรรถกถาไม่ได้แก้ไว้ครับ

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 187

ข้อความตอนหนึ่งจาก อธิปไตยสูตรที่ ๑๐
ชื่อว่าความลับ ย่อมไม่มีในโลก สำหรับผู้ทำการบาป แน่ะบุรุษ ตัวของ ท่านย่อมรู้ว่าจริงหรือเปล่า ผู้เจริญ ท่านดู หมิ่นตัวเอง ซึ่งเป็นพยานอย่างดีเสียแล้ว เมื่อบาปมีอยู่ในตัว ไฉนท่านจะปิดซ่อนมัน (ไม่ให้ตัวเองรู้) ได้ เทวดาทั้งหลายและตถาคตทั้งหลาย ย่อมเห็นคนเขลาที่ประพฤติไม่สมควรอยู่ ในโลก เพราะเหตุนั้นแหละ บุคคลควร ประพฤติเป็นผู้มีตนเป็นใหญ่ควรมีสติเป็น ผู้มีโลกเป็นใหญ่ควรมีปัญญารักษาตน มี ความพินิจ เป็นผู้มีธรรมเป็นใหญ่ ควร ประพฤติตามธรรม....

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ups
วันที่ 24 ส.ค. 2553

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 ส.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ไม่มีที่ลับ สำหรับคนทำบาป" [เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้าที่ ๔๐๙

พระโพธิสัตว์ (เมื่อครั้งที่เป็นมาณพ เกิดในตระกูลพราหมณ์) กล่าวคาถา ๒ คาถานี้ว่า :-

“ข้อว่า ที่ลับในโลก ย่อมไม่มีแก่คนผู้กระทำบาปกรรม ต้นไม้ที่เกิดในป่า ก็ยังมีคนเห็น คนพาล ย่อมสำคัญบาปกรรมนั้นว่า เป็นความลับ ข้าพเจ้าย่อมไม่เห็นที่ลับ หรือแม้ที่ว่างเปล่าก็ไม่มี ในที่ใดว่างเปล่า ข้าพเจ้าไม่เห็นใคร ที่นั้นก็ย่อมไม่ว่างเปล่าจากตัวข้าพเจ้า

(จาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก สีลวีมังสชาดก)

บัณฑิตทั้งหลาย เป็นผู้มีความละอาย มีความเกรงกลัวต่ออกุศล จึงไม่กระทำบาปแม้ในที่ลับ ด้วยคิดว่า ชื่อว่าที่ลับในการทำบาป ย่อมไม่มี ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า แม้ในที่ลับ ไม่มีคนเห็น ยังไม่ทำ แล้วในที่แจ้งย่อมจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บัณฑิตจะเป็นผู้กระทำบาปกรรม จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี เพราะเหตุว่า บาปกรรม แม้จะปกปิด ทำ หรือ ทำในขณะที่คนอื่นไม่รู้ ไม่เห็น ก็ไม่ควรทั้งสิ้น (ถึงคนอื่นไม่รู้ ตัวเองก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไร) บาปกรรมที่ทำแล้วนั่นเอง ย่อมตามเผาผลาญในภายหลังคิดถึงตอนไหนก็ไม่สบายใจตอนนั้น เมื่อถึงคราวที่จะให้ผล ผลย่อมเกิดขึ้นทำให้ได้รับความทุกข์ในชาติปัจจุบันบ้าง ให้ผลในภพหน้ามีการเกิดในอบายภูมิ ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนมากมาย บ้าง ตามควรแก่กรรม เพราะฉะนั้นแล้ว ดีที่สุด คือ ไม่ทำความชั่ว ละเว้นจากความชั่ว แล้วเพิ่มพูนความดีในชีวิตประจำวัน ถอยกลับจากความชั่ว (อกุศล) ยิ่งเร็วเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
hadezz
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
michii
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.ประเชิญ และ อ.คำปั่น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chaiyut
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

" ความลับไม่มีในโลก " แม้ผู้กระทำผิดก็ปิดบังกรรมชั่วที่ตนทำลงไปแล้วกับใจตนไม่ได้ อาจจะคิดว่าคนอื่นคงไม่รู้ความลับนั้น ทว่าใจเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจเสมอ แต่สิ่งที่เป็นความลับในโลกจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ที่แม้เจ้าตัวก็ไม่รู้ คือ ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ไม่รู้ว่าเป็นโลกทางใจ ไม่ใช่ตัวตนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
uls
วันที่ 25 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เรียบร้อย
วันที่ 26 ส.ค. 2553

สรุปอย่างเข้าใจง่ายๆ คือบางครั้ง เราทำอะไรลงไป คนอื่นไม่รู้ และไม่เห็น แต่ตัวเราเองรู้ดีแก่ใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สมศรี
วันที่ 29 ส.ค. 2553
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pirmsombat
วันที่ 30 ส.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนา ท่านวิทยากร ทั้งสองท่าน มากครับ และ

ขออนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 27 ก.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Belief
วันที่ 22 ต.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
คุณ
วันที่ 24 ต.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ