โลกไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท (3)

 
pirmsombat
วันที่  25 ก.ย. 2553
หมายเลข  17268
อ่าน  1,921

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ซึ่งเห็นได้ ว่า ขณะใดที่อกุศลธรรมเกิด ขณะนั้น หลงลืมสติ เพราะว่าสติไม่เกิด ด้วยเหตุนี้ สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ข้อความต่อไปอีกว่า ความประมาท สมควรกล่าว การปล่อยจิต ความเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริตก็ดี ในวจีทุจริตก็ดี ในมโนทุจริตก็ดี ในเบญจกามคุณก็ดี หรือความเป็นผู้ทำโดยไม่เอื้อเฟื้อ ความเป็นผู้ทำไม่ติดต่อ ความเป็นผู้ทำๆ หยุดๆ ความเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ซ่องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประมาทเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท ความมัวเมา กิริยาที่มัวเมา ความเป็นผู้ที่มัวเมาเห็นปานนี้ เรียกว่า ประมาท

พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงละเว้นพยัญชนะ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านผู้หนึ่ง ผู้ใด เกิดสติระลึกได้ เพราะว่าทรงแสดงเรื่องของความประมาทว่าเป็นการปล่อยจิต เป็นการเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ถ้าสติไม่เกิด เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมคะ เขาก็ทุจริตกันทั้งนั้น ก็อาจจะคิดว่าอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็น กายทุจริต หรือวจีทุจริต แต่ผู้ที่มีสติ สติเกิด จะรู้ได้ว่า ไม่ควรจะคิดอย่างนั้นเลย เพราะไม่ควรจะปล่อยจิตหรือเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต

ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ย่อมไม่พ้นจากการที่จะมี กายทุจริตบ้าง วจีทุจริตบ้าง มโนทุจริตบ้าง ถ้าเป็นผู้ที่ตรงต่อตัวเอง จะรู้ได้จริงๆ ว่าขณะไหนเป็นกายทุจริต ขณะไหนเป็นวจีทุจริต คำพูดที่ทำให้บุคคลอื่นไม่สบายใจ หรือว่าเป็นการเสียประโยชน์ของบุคคลนั้น ซึ่งสติไม่เกิด ก็ดูเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาอีก เพราะฉะนั้น ผู้ที่ขัดเกลากิเลสก็จะพิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ ว่า ไม่เพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ในเบญจกามคุณ คือ ใน รูป เสียง .... หรือบางท่านเป็นผู้ทำโดยความเป็นผู้ไม่เอื้อเพื้อ เป็นผู้ทำไม่ติดต่อ เป็นผู้ทำๆ หยุดๆ เป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ส้องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประกอบเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท เพราะฉะนั้น ก็เป็นการเตือนให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง หรือว่าประมาทหรือเปล่า หรือว่าเพิ่มความประมาทขึ้นหรือเปล่า

มีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมคะ ในเรื่องนี้ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า คำว่า โลก ไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท ความว่า โลกไม่ปรากฏ ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง ไม่ไพโรจน์ ไม่แจ่ม ไม่กระจ่าง เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท

ท่านที่อยากจะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรม อาจจะใช้คำว่า เต็มที่ เหลือเกิน คอยไม่ไหว อยากจะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ในขณะที่กำลังเห็น .... กำลังลิ้มรส ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่าเป็นผู้ที่ประมาทหรือเปล่า ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ แล้วจะให้โลกกระจ่าง โลกแจ่มแจ้ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าผลย่อมเป็นไปตามเหตุ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ups
วันที่ 25 ก.ย. 2553

สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaiyut
วันที่ 26 ก.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

เป็นการเตือนให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ว่าประมาทหรือเปล่า (ที่ปล่อยจิต) เพิ่มความประมาทขึ้นหรือเปล่า

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pamali
วันที่ 27 ก.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
bsomsuda
วันที่ 27 ก.ย. 2553

"ผู้ที่ขัดเกลากิเลสก็จะพิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ ว่าไม่เพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ในเบญจกามคุณ คือใน รูป เสียง.......พะ หรือบางท่านเป็นผู้ทำโดยความเป็นผู้ไม่เอื้อเพื้อ เป็นผู้ทำไม่ติดต่อ เป็นผู้ทำๆ หยุดๆ เป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ส้องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประกอบเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท "

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
raynu.p
วันที่ 24 มิ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ