ฐานะ และ อฐานะ
ฐานะ หมายความถึง โอกาสที่จะมีได้
ทุกชีวิตทุกขณะที่เกิดขึ้น แสดงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ตามฐานะที่เป็นได้ เห็นขณะนี้ ได้ยินขณะนี้ ... และคิดนึกขณะนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นมาได้เอง แด่เกิดขึ้นได้ตามฐานะที่จะเกิดได้ การได้โอกาสฟังธรรมขณะนี้ ก็อยู่ในฐานะที่กุศลวิบากให้ผลปุถุชนอย่างเรามีฐานะเพียงเข้าใจพระธรรม ยังไม่ถึงฐานะที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนี้ฐานะยังไม่พอจนกว่าจะสะสมความเข้าใจถูกความเห็นถูกต่อไปจนกว่าจะเป็นฐานะที่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรม ...
สิ่งสำคัญคือค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูกซึ่งก็คือ ปัญญา นั่นเอง จนกว่าจะเข้าถึงฐานะ ... พระโสดาบันบุคคลอยู่ในฐานะที่ไม่ยึดถือสภาพธรรมว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา เพราะท่านเข้าถึงฐานะความเป็นพระอริยเจ้าขั้นต้น หมดความสงสัยในสภาพธรรม ท่านเข้าถึงฐานะที่รู้ความจริงของสภาพธรรมว่าไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
ขออนุโมทนาค่ะ
อย่างไรเรียกว่า...ฐานะ
[เล่มที่ 1] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 749
จริงอยู่ เหตุ ท่านเรียกว่า "ฐานะ และโอกาส" เพราะเป็นที่ตั้งแห่งผล โดยความที่ผลนั้นเป็นไปเนื่องด้วยเหตุนั้น และเพราะเหตุนั้น ก็เป็นโอกาสแห่งผลนั้น โดยความที่เหตุนั้นเป็นไปเนื่องด้วยผลนั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงห้ามเหตุนั้น จึงตรัสว่า อฏฺานเมต อานนฺท อนวกาโส เป็นต้นความว่า ฐานะหรือโอกาสนี้ไม่มี.
ต้องสะสมความรู้ความเข้าใจอีกนาน เมื่อภพชาตินี้ได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา ก็ไม่ควรปล่อยโอกาสทองไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ทราบว่า ภพชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
ต้องสะสมปัญญาและความดีมหาศาลกว่าจะรู้ความจริงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง ทั้งหมดทั้งปวง แสดงถึงความเป็นจริงของชีวิตแต่ละขณะ เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละขณะ เป็นธรรม ไม่พ้นไปจากธรรม ไม่พ้นไปจากนามธรรม รูปธรรม เพราะฉะนั้นแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ (ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นไปได้) สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เลยแล้วจะเกิดปัญญา เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เป็นไปได้ที่ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วความเข้าใจถูก เห็นถูก จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับนี้เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจพระธรรม ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล นั่นเอง จึงควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์สูงสุดของปัญญา ทีสามารถเริ่มอบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ขาดการฟังพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ฐานะของปุถุชน...ที่สามารถจะรู้ได้เพียงว่าทุกอย่างเป็นธรรม
ฟังให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง ทุกอย่างเป็นธรรม ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง มีจริงๆ เมื่อปรากฏ ปรากฏแล้วดับแล้ว ไม่มีใครจะไปทำให้เกิดได้เอง แสดงความเป็นอนัตตาของธรรม ปุถุชนสามารถถึงฐานะที่สามารถจะรู้ได้ว่าทุกอย่างเป็นธรรม..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ