เชตวนสูตร ... เสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๓
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
... สนทนาธรรมที่ ...
••• มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา •••
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๙ ต.ค. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
เชตวนสูตร (ว่าด้วยสัตว์บริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕)
... จาก ...
[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๑๔๖ - ๑๔๙
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่๒๔-หน้าที่๒๕๗-๒๕๙
๘. เชตวนสูตร
(ว่าด้วยสัตว์บริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕)
[๑๔๗] เทวดากราบทูลว่า
ก็ พระเชตวันมหาวิหารนี้นั้น อันหมู่ แห่งท่านผู้แสวงคุณอยู่อาศัยแล้ว อัน พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระธรรมราชา ประทับ อยู่แล้ว เป็นแหล่งที่เกิดปีติของข้าพระองค์ กรรม ๑ วิชชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิต อันอุดม ๑ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมบริสุทธิ์ด้วย คุณธรรม ๕ นี้ หาบริสุทธิ์ด้วยโคตร หรือ- ด้วยทรัพย์ไม่ เพราะเหตุนั้นแหละ คน ผู้ฉลาด เมื่อเห็นประโยชน์ของตน ควร เลือกเฟ้นธรรม โดยอุบายอันแยบคาย เพราะเมื่อเลือกเฟ้นเช่นนี้ ย่อมหมดจดได้ ในธรรมเหล่านั้น. พระสารีบุตร รูปเดียวเท่านั้น (เป็นผู้ ประเสริฐ) ด้วยปัญญา ศีล และความสงบ ภิกษุใดเป็นผู้ถึงซึ่งฝั่ง ภิกษุนั้นก็มีท่าน พระสารีบุตรนั้นเป็นเยี่ยม. จบ เชตวนสูตรที่ ๘.
อรรถกถาเชตวนสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในเชตวนสูตรที่ ๘ ต่อไป:- ในบทว่า อิท หิ ต เชตวน ความว่า อนาถบิณฑิกเทพบุตร มากล่าวอย่างนี้ เพื่อชมเชยพระเชตวัน และพระอริยบุคคลทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น.บทว่า อิสิสงฺฆนิเสวิต ได้แก่ อันหมู่แห่งภิกษุอยู่อาศัยแล้ว อนาถบิณฑิกเทพบุตรนั้น ครั้นกล่าวชมเชยพระเชตวัน ด้วยคาถาที่หนึ่งอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะกล่าวถึงอริยมรรค จึงกล่าวคำว่า กมฺม วิชฺชา เป็นต้น แปลความว่า
กรรม ๑ วิชชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมบริสุทธิ์ ด้วยคุณธรรม ๕ นี้ หาได้บริสุทธิ์ด้วยโคตร หรือด้วยทรัพย์ไม่ เพราะเหตุนั้นแหละ คนผู้ฉลาด เมื่อเห็น ประโยชน์ของตน ควรเลือกเฟ้นธรรม โดยอุบายอันแยบคาย เพราะเมื่อเลือกเฟ้น เช่นนี้ ย่อมหมดจดได้ในธรรมเหล่านั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กมฺม ได้แก่ มรรคเจตนา. บทว่า วิชฺชา ได้แก่ มรรคปัญญา. บทว่า ธมฺโม ได้แก่ ธรรมทั้งหลายอันเป็นฝ่ายสมาธิ. บทว่า สีลํชีวิตมุตฺตม อธิบายว่า เทวดานั้น ย่อมแสดงชีวิตอันสูงสุด ของบุคคลผู้ตั้งอยู่ในศีล. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า วิชฺชา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะ.บทว่า ธมฺโม ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ. บทว่า สีล ได้แก่สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ. บทว่า ชีวิตมุตฺตม ได้แก่ ชีวิตของผู้ตั้งอยู่ในศีลนี้เป็นชีวิตสูงสุด. บทว่า เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ ความว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้. บทว่า ตสฺมา ความว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยมรรค เหตุใด เพราะเหตุนั้น สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่บริสุทธิ์ได้ด้วยโคตร และด้วยทรัพย์. บทว่าโยนิโส วิจิเน ธมฺม อธิบายว่า พึงเลือกเฟ้นธรรมอันเป็นฝ่ายสมาธิโดยอุบาย. บทว่า เอว ตตฺถ วิสุชฺฌติ ได้แก่ ครั้นเมื่อเลือกเฟ้นธรรมนั้น อย่างนี้ ย่อมหมดจดได้ในอริยมรรค นั้น. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า โยนิโส วิจิเน ธมฺม ได้แก่ พึงเลือกเฟ้นธรรม ๕ กอง โดยอุบาย. บทว่า เอวตตฺถ วิสุชฺฌติ ได้แก่ ย่อมบริสุทธิ์ในสัจจะ ๔เหล่านั้นได้ อย่างนี้. บัดนี้ อนาถบิณฑิกเทพบุตรนั้น เมื่อจะกล่าวชมเชยพระสารีบุตรเถระ จึงกล่าวคำว่า สาริปุตฺโตว เป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สาริปุตฺโตว นี้ เป็นคำกล่าวถึงตำแหน่ง อธิบายว่า อนาถบิณฑิกเทพบุตรนั้น ย่อมกล่าวว่าพระสารีบุตรเท่านั้น เป็นผู้ประเสริฐสุดด้วยธรรมเหล่านี้มีปัญญาเป็นต้น. บทว่า อุปสเมน ได้แก่ความสงบจากกิเลส. บทว่า ปารคโต แปลว่า ผู้ถึงพระนิพพาน. อธิบายว่าเทวดานั้นย่อมกล่าวว่า ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งบรรลุพระนิพพาน ภิกษุนั้น ก็มีพระสารีบุตร-เถระเป็นเยี่ยม หมายความว่า ภิกษุผู้ชื่อว่า เยี่ยมกว่าพระสารีบุตรเถระ ย่อมไม่มี ดังนี้. คำที่เหลือมีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาเชตวนสูตรที่ ๘.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป
เชตวนสูตร
(ว่าด้วยสัตว์บริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕) อนาถปิณฑิกเทพบุตร (เทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต) ลงมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลชมเชยพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งท่าน (เมื่อครั้งเป็นอนาถปิณฑิกเศรษฐี) ได้สร้างถวายสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระสาวกทั้งหลาย อันเป็นที่ทำให้ท่านเกิดปีติเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนั้น ท่านได้กราบทูลว่า สัตว์ทั้งหลาย ย่อมบริสุทธิ์ด้วยคุณธรรม ๕ ประการมิใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตรหรือทรัพย์
คุณธรรม ๕ ประการ มีดังนี้ คือ ๑. กรรม ได้แก่ มรรคเจตนา (ความตั้งใจประพฤติธรรม เริ่มตั้งแต่ขั้นต้น ตามแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อน้อมไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้น) ๒. วิชชา ได้แก่ มรรคปัญญา // สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ - (ความดำริชอบ) ๓. ธรรม ได้แก่ ธรรมอันเป็นฝ่ายสมาธิ // สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ) สัมมาสติ (ความระลึกชอบ) สัมมาสมาธิ (ความตั้งมั่นชอบ) ๔. ศีล * ได้แก่ สัมมาวาจา (วาจาชอบ) สัมมากัมมันตะ (การงานชอบ) ๕. ชีวิตอันอุดม ได้แก่ ชีวิตของผู้ตั้งอยู่ในศีล และในตอนท้าย ท่านได้กล่าวสรรเสริญพระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา ว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา ศีล และ ความสงบจากกิเลส. * หมายเหตุ เมื่อครั้งที่ประชุมวิชาการ วันเสาร์ที่ ๒ ตุลาคม๒๕๕๓ อาจารย์อรรณพได้ถามท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ว่า ปกติแล้ว องค์มรรคที่เป็นศีล จะมี ๓ประการ คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และ สัมมาอาชีวะ แต่ในพระสูตรนี้ ทำไมถึงมี ๒ ประการ ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้ตอบว่า สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) รวมอยู่ในชีวิตอันอุดม * ขอเชิญคลิกอ่านข้อความต่อไปนี้เพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ครับ
อนาถปิณฑิกเทพบุตร มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า [อนาถปิณฑิโกวาทสูตร] อริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ภาวนาธิษฐานชีวิตัง อะไรคือประโยชน์สูงสุดของชีวิต.... ฯลฯ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...