ความเป็นอนัตตาของธรรมะ - เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น
การศึกษาพระธรรมก็เพื่อให้เกิดปัญญาจริงๆ ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็คือ ธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นธรรมะ ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นว่าทุกอย่างที่กำลังปรากฏเป็นธรรมะ เห็นเป็นธรรมะไม่ใช่เรา ได้ยินเป็นธรรมะไม่ใช่เรา ไม่ใช่เพียงคิดว่าเห็นเป็นธรรมะ ได้ยินเป็นธรรมะ แต่ต้องเข้าใจจริงๆ ถึงตัวจริงของเห็น ของได้ยิน ว่ามีจริงอย่างไร เห็นก็ไม่ใช่ได้ยิน ได้ยินก็ไม่ใช่เห็น เห็นปรากฏเกิดขึ้นเพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น จะไปเห็นเสียงไม่ได้ ได้ยินก็เช่นเดียวกันจะไปได้ยินสิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ได้
เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏแต่ละทาง ทางตา ทางหู ... และคิดนึก สิ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย เห็นเกิดแล้วดับแล้ว เสียงเกิดแล้วดับแล้ว แข็งเกิดแล้วดับแล้ว แต่ละขณะในสังสารวัฏฏ์เกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย ... แสดงความเป็นอนัตตาของธรรมะ ไม่มีใครทำให้เกิดเพราะเกิดแล้วดับแล้ว เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้นแล้วจะคลายความเป็นตัวตนได้บ้างไหม?
... ขออนุโมทนาค่ะ ...
ธรรมะมีอยู่แล้วตลอดเวลาที่เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้กลิ่น ทีลิ้มรส ที่กระทบสัมผัส แต่อวิชชาปิดบัง ทำให้ไม่รู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริงค่ะ
[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 172
ชื่อว่า เป็นอนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ โดยความเป็นของสูญ ๑ โดยความไม่มีเจ้าของ ๑ โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑ โดยปฏิเสธต่ออัตตา ๑
อนุโมทนาคะ