บาปจากการขโมยอาหารจากบาตรพระ แก้ไขอย่างไรครับ

 
jon1977
วันที่  5 ต.ค. 2553
หมายเลข  17310
อ่าน  1,903

เรื่องของผมมีอยู่ว่า เมื่อสมัยผมยังเป็นเด็ก บ้านของผมอยู่ห่างจากโรงเรียนมาก พ่อจึงเอามาฝากไว้กับพระที่วัด ใกล้ๆ โรงเรียน กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันสี่ห้าคน ตอนเช้าทุกวันหลังจากที่พระบิณฑบาตรเราต้องไปรับบาตรจากพระมาเก็บ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตอนนั้น ผมกับเพื่อนๆ ก็จะขโมยอาหาร ขนม นมจากบาตรพระ เพื่อเอาไปรับประทานที่โรงเรียน มาถึงตอนนี้ผมรู้ว่ามันเป็นบาปมาก จึงอยากทราบวิธีแก้กรรมที่ทำมาตอนเด็กๆ ครับ ท่านใดพอจะชี้แนะได้บ้างครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 6 ต.ค. 2553

ขอเรียนว่าสิ่งใดที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขใหม่ได้ ปัจจุบันสำคัญที่สุด สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าดี สิ่งนั้นควรทำ ควรสะสมอบรมให้มาก เพราะสิ่งนั้นย่อมนำสุขมาให้ ไม่นำความทุกข์ความเดือนร้อนมาให้ สิ่งที่ดีนั้นก็คือ บุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ โดยสรุปคือ ทาน ศีล ภาวนา โดยเฉพาะกุศลขั้นภาวนา คือการฟังธรรม การอบรมปัญญา เป็นบุญที่ควรสะสมอย่างยิ่ง เพราะบุญขั้นภาวนานี้จะทำให้ดับอกุศล ดับเหตุของทุกข์ทั้งปวงได้ เหตุที่ไปขโมยอาหาร ก็เพราะมีอกุศล และถ้ายังอยู่ในวัฏฏะนี้ อกุศลก็จะเป็นเหตุให้ทำบาปอีกมากมาย เช่น การฆ่าสัตว์ อาจถึงการฆ่าผู้มีพระคุณก็ได้การประพฤติในภรรยาผู้อื่น การพูดโกหก เป็นต้นก็ได้ นี้คือโทษของวัฏฏะครับ ดังนั้นจึงไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ..

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 6 ต.ค. 2553

ไม่ประมาท เจริญกุศลทุกประการ โดยเฉพาะไม่ขาดการศึกษาธรรม การฟังธรรมการพิจารณา การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การพ้นทุกข์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
jon1977
วันที่ 7 ต.ค. 2553

แล้วผมจะบาปมากขนาดไหนครับ จะแก้กรรมได้อย่างไร

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chaiyut
วันที่ 7 ต.ค. 2553

บาปในที่นี้ คงหมายถึงว่ากรรมที่ทำแล้วไว้นั้น จะให้ผลหนักแค่ไหนใช่ไหมครับ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจตนา ความจงใจที่ขวนขวายประกอบอกุศลกรรมในขณะนั้นมีกำลังมากไหม ประกอบด้วยความเพียรมากไหม อาหารขนมพวกนั้นมีค่ามากหรือไม่ และผู้ที่เราล่วงเกินนั้นท่านมีคุณธรรมสูงหรือเปล่า ถ้าไม่ทราบว่าสภาพจิตใจตอนนั้นเป็นอย่างไร ก็คือว่า สิ่งนั้นก็เกิดแล้วดับแล้ว ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นจึงแก้ไขไม่ได้ เพราะกลับไปทำอะไรไม่ได้ กรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว ปกปิดแล้ว ไม่มีทางที่ใครจะรู้ว่าตนจะได้รับผลของกรรมนั้นเมื่อไร และจะได้รับผลของกรรมนั้นหนัก เบาแค่ไหน เพราะฉะนั้น เมื่อไม่รู้แน่ชัด ก็ไม่ควรคำนึงถึงด้วยความกังวลในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่ควรคำนึงถึงว่าขณะนี้ไม่ควรประมาท ทำกรรมดีบ้างหรือยัง ไม่ใช่ไม่ประมาทเพียงจะไม่กระทำบาปอย่างนั้นอีก แต่ไม่ควรประมาท ที่จะศึกษาพระธรรมซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงเพราะเป็นสัจจะ ซึ่งมีประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ศึกษา ให้ถึงซึ่งการพ้นทุกข์ได้ ควรศึกษาให้เข้าใจจนเกิดปัญญาของตนเอง แนะนำให้ฟังธรรมในเว็บนี้บ่อยๆ ครับ

ขอเชิญคลิกฟัง >>

ผลของกรรมจะมากน้อยขึ้นอยู่กับอะไร

กรรมที่ได้กระทำแล้วแก้ไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 3 เม.ย. 2554

ยอมรับกรรมทั้งหมดเพราะเราทำเอง ขอให้ฟังธรรมให้เข้าใจธรรมะ และขออนุโมทนาในจิตกุศล

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ