การเจริญเมตตาของผู้รู้แจ้งกับปุถุชนแตกต่างกันอย่างไรครับ
1. จิตเมตตาของปุถุชนที่ได้ฌาณ แตกต่างจากเมตตาฌาณจิตของพระอริยะอย่างไรครับ ผมคิดว่าเมตตาจะเจริญขึ้นได้ต้องอาศัยอุบายอันแยบคายจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการติดข้องที่จะเมตตาและพรหมวิหารทั้ง 4 และสมถะอื่น ก็มีความจำเป็นยามเมตตาไม่เกิด อันนี้เฉพาะตัวผมเอง นะครับ เมื่อเมตตาไม่เกิด ก็เพราะว่าไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ ก็เจริญกุศลอื่นๆ ครับ แต่กิเลสก็เกิดแทรกกล้มรุมให้สภาพจิตมืดมัวหลงลืมส่วนใหญ่
2. ผมคิดอย่างนี้จะถูกต้องไหมครับ ขอพระธรรม คำชี้แจงหรือสิ่งใดที่ท่านคิดว่าเกื้อกูลได้ จากท่านใดก็ได้ครับ
ความต่างของเมตตาฌานของพระอริยและปุถุชนควรจะอยู่ที่ว่า พระอริยบุคคลเมื่อท่านได้ฌานใดแล้วย่อมไม่เสื่อม ส่วนปุถุชนทั้งหลายฌานจิตมีโอกาสเสื่อมได้ คือ เมื่ออกุศลจิตเกิดไม่สามารถยังฌานที่ตนเคยได้ให้เกิดขึ้นได้และปุถุชนทั้งหลายยังละอกุศลยังไม่ได้ ความติดข้องในเมตตาฌานย่อมมีได้ แต่พระอริยบุคคลระดับพระอรหันต์ท่านดับโลภะได้แล้ว ย่อมไม่มีความติดข้องในฌานทั้งหลาย อนึ่งตามตัวอย่างการเจริญสมถภาวนาของพระภิกษุที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ท่านไม่ได้เจริญเพียงสมถะ เพียงอารมณ์อารมณ์หนึ่งเท่านั้น ในบางกาล เช่นไปที่ลานพระเจดีย์ ท่านก็เจริญพุทธานุสสติ ขณะที่เกิดกามราคะ ท่านก็เจริญอสุภะ เป็นต้น
อนุโมทนาบุญในธรรมทานของทุกท่านค่ะ
ขอถามว่า ติดข้องในเมตตา หมายความว่าอย่างไรค่ะ
ขอขอบคุณค่ะ
ติดข้องในเมตตา หมายความว่า โลภะเข้าไปยึดว่า เมตตาของเรา..
เมตตาสำหรับปุถุชนคนธรรมดาจะเจือปนไปด้วยราคะและหรืออคติข้อฉันทาคติ เป็นสิ่งที่ไกล้เคียงกับความรักมากมากแทบแยกกันไม่ออกเลยก็ว่าได้ ส่วนเมตตาของพระอริยะบุคคลจะไม่เจือปนด้วยกิเลสทั้งหลาย เป็นความบริสุทธิ์แห่งจิตทีเดียว อีกประการหนึ่งการใช้เมตตาเราก็ควรที่จะใช้ให้ถูกธรรมคือลำดับความสำคัญ เช่นสัตว์ บุคคล และผู้มีพระคุณเป็นต้น การใช้เมตตาผิดธรรม เช่น คนไม่เมตตาแต่ไปเมตตาสัตว์ เข้าทำนองยุงไม่ฆ่าแต่ไปฆ่าคน ดังนี้ ก็เป็นการใช้เมตตาไม่ถูกธรรม
ขอเจริญพร