ตัวตน ถ้าความรู้ไม่เกิด อะไรจะละได้

 
pirmsombat
วันที่  31 ต.ค. 2553
หมายเลข  17467
อ่าน  1,584

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ โยนิโสมนสิการ คือรู้ว่าสภาพธรรมใดมีจริง และควรที่จะเข้าใจลักษณะจริงๆ ของสิ่งนั้นใหัถูกต้อง ไม่ใช่ให้นึกคาดคะเนเท่านั้น อย่างการเห็นนี้ มีจริง และทุกคนก็ได้ยิน ได้ฟังว่าเห็นเป็นนามธรรม นี่เป็นสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง แต่ว่าประจักษ์แจ้งด้วยปัญญา ที่จะรู้ว่า ลักษณะที่กำลัง เห็น เป็นสภาพรู้ที่ไม่ใช่เราที่กำลังเห็น นี่คือปัญญาค่ะ เพราะฉะนั้นฟังไปเข้าใจไป อบรมเจริญสติปัฏฐานไป เพื่อรู้แล้วละ

การยึดถือสภาพธรรมที่เป็นตัวตน ถ้าความรู้ไม่เกิด อะไรจะละได้

เห็นอยู่ทุกวัน ทุกชาติ ทั้งชาติก่อนๆ แสนโกฏิกัปป์ ชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าไม่ฟังเรื่องการเห็นให้เข้าใจจริงๆ เพื่อที่จะให้สติปัฏฐานเกิด ระลึกลักษณะของสภาพที่กำลังเห็นในขณะนี้ ซึ่งเป็นจริงอย่างนั้นค่ะ คือเกิดขึ้นเห็นแล้วดับ

นี่คือ สังขารธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ใช่เพียงพอใจ เพียงแค่ได้ยิน ได้ฟัง แต่จะต้องประจักษ์แจ้งด้วยการฟังให้เข้าใจจริงๆ แล้วก็จะเป็นสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งให้สติปัฏฐานระลึกได้ในขณะที่กำลังเห็น แม้ในขณะที่ระลึก ความเป็นตัวตนก็ยังมีอยู่ ที่สัญญาขันธ์ ที่เวทนาขันธ์ ที่สังขารขันธ์อื่น ที่วิญญาณขันธ์ด้วย

เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า เพียงชั่วขณะที่สติเกิด เล็กๆ น้อยๆ นี้ ลักษณะของสภาพของสิ่งที่สติระลึกไม่เปลี่ยน คือ แข็งจะไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเลย สภาพที่รู้แข็งก็ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ในขณะที่กำลังรู้แข็ง มีลักษณะจริงๆ ที่กำลังรู้แข็งที่ปรากฏ และแข็งนั้นก็ปรากฏ แต่ความรู้ที่จะละการยึดถือ ว่าเป็นเราที่รู้แข็ง จะรู้ได้ว่า ขณะที่สติระลึกนี้ ปัญญาในขณะนั้นเพิ่มหรือยัง ถ้าปัญญาไม่เกิดไม่เพิ่มขึ้น ก็ยังคงเป็นรู้แข็ง กับ แข็ง มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าแข็ง ทุกคนก็รู้ว่าแข็ง แต่ก็ยังคงเป็นแต่เพียง รู้แข็งเฉยๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญาอะไรเลย ที่จะรู้ว่า สภาพรู้ไม่ใช่เราอย่างไร

นี่เป็นเหตุที่จะต้องฟังเรื่องของสภาพธรรมทางตา ... กาย ใจ จนกว่าจะเป็นสังขารขันธ์ให้สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ จึงจะเป็นสัมมาสติในมรรคมีองค์ ๘ ไม่ใช่ให้ไปนั่งทำอะไรค่ะ

ผู้ฟัง ระหว่างที่ผมสนทนากับหลวงพ่อท่านนั้น ท่านก็มีความคิดตอนท้ายว่า ปัญญาในชาตินี้จะเกิดได้นี่คงยาก เพราะฉะนั้น การที่ท่านบำเพ็ญวิธีนั้น ก็เหมือนกับว่าบำเพ็ญให้ได้จุดหนึ่งก่อน แล้วไปพักอยู่อีกที่หนึ่ง แล้วเมื่อถึงพระฯ องค์ต่อไป ท่านก็จะได้ฟังธรรม จนกระทั่งได้ตรัสรู้เลย คล้ายๆ อย่างนั้นล่ะครับ

ท่านอาจารย์ ก็ชาตินี้ยังไม่เข้าใจ แล้วพอไปถึง พระฯ องค์ต่อไป ก็ไปนั่งพักอยู่ที่จุดนั้นอีก เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรให้ก้าวหน้าเลย คือ ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่เข้าใจว่าปัญญาคืออะไร และปัญญารู้อะไร เพราะฉะนั้นก็หวังว่าปัญญาจะเกิดหลังจากที่สมาธิที่จุดหนึ่งจุดใด แต่ความจริง ขณะใดที่ไม่ใช่ปัญญา ขอให้พิจารณาดูว่า ขณะนั้นเป็นกุศลได้ไหม หรือว่าเป็นโลภะ เพราะอยาก เพราะต้องการ

ผู้ฟัง อย่างนั้นก็เป็นอันตัดสินว่า ระหว่างที่ทำอะไรก็แล้วแต่ ก็เหมือนกับตุลาการเหมือนกัน ถ้าเราพิจารณาตัวเราเองอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราทำอะไร วิธีไหนสักอย่างหนึ่งก็ต้องสำรวจตัวเองทันทีว่า ขณะจิตนั้นเป็นอะไรบ้าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ

ท่านอาจารย์ แต่ว่าถ้าเป็นสิ่งที่มีจริงก็สามารถที่จะพิจารณาเข้าใจได้ แล้วพระธรรมจะต้องตรงกันทั้ง ๓ ปิฎก ตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูงสุด เช่นปัญญามี ๓ ขั้น

สุตมยปัญญา

จินตามยปัญญา

ภาวนามยปัญญา

ถ้าไม่มีขั้นฟัง มีอะไรที่จะคิดไหมคะ เรื่องทางตาที่กำลังเห็น เป็นนามธรรม อย่างไร ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย เพราะฉะนั้นก็จะต้องอาศัยการฟัง และมีการคิดพิจารณในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังว่าจริงหรือเปล่า เมื่อใคร่ครวญไตร่ตรอง รู้ว่าเป็นสิ่งที่มีจริง ก็เป็นปัจจัยให้ ภาวนามยปัญญาเกิดได้

เพราะฉะนั้น ที่ว่าจะปฏิบัติๆ ขอให้เข้าใจตามความเป็นจริงก่อนว่า เข้าใจหรือยัง ถ้ายังไม่เข้าใจ จะปฏิบัติอะไรก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เพียงหวังลอยๆ ว่า ทำยังไง จะทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วก็จะเกิดปัญญา ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
aiatien
วันที่ 31 ต.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pamali
วันที่ 31 ต.ค. 2553

ขณะที่อ่านความเป็นเราเต็มเปี่ยม ปัญญาเกิดยากแสนยาก ต้องสะสมการฟัง อ่าน อีกนาน ... แต่ไม่ท้อค่ะ (ก็เป็นเราที่ไม่ท้ออีก)

กราบขอบพระคุณท่านอจ.สุจินต์ ...

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอ. คุณหมอ .. และทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ..

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 31 ต.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pirmsombat
วันที่ 1 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jesse
วันที่ 1 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Yongyod
วันที่ 1 พ.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ประสาน
วันที่ 1 พ.ย. 2553

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2553

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ไม่รู้เลยว่า เห็น มีจริง เป็นธาตุรู้ สภาพรู้ เป็นนามธรรม ไม่ใช่เรา สิ่งที่ปรากฏทางตาก็มีจริงๆ เป็นรูปธรรม แล้วถ้าไม่พิจารณาให้เข้าใจความจริงว่าเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ก็ไม่สามารถบรรลุอริยสัจจธรรมได้ ... ความเข้าใจที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองความจริงที่มีอยู่จริงเท่านั้น จึงจะเป็นปัญญานำไปสู่ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
bsomsuda
วันที่ 2 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ