สัมมามรรค - มิจฉามรรค
สัมมามรรค คืออริยมรรคมีองค์ ๘ คือ
๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
๒. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ
๓. สัมมาวาจา วาจาชอบ
๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ
๕. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ
๖. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ
๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ
๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งมั่นชอบ
มิจฉามรรค ๘ ก็นัยตรงกันข้าม คือ
๑. มิจฉาทิฏฐิ
๒. มิจฉาสังกัปปะ
๓. มิจฉาวาจา
๔. มิจฉากัมมันตะ
๕. มิจฉาอาชีวะ
๖. มิจฉาวายามะ
๗. มิจฉาสติ
๘. มิจฉาสมาธิ
สัมมา คือ ถูกต้อง มรรค คือ หนทาง หมายถึง หนทางที่ถูกต้องเพื่อการอบรมปัญญาและกุศลทุกประการ จนกว่าจะถึงการตรัสรู้ความจริง ดับกิเลส และดับการเกิดวนเวียนไปในวัฏฏะ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบครับ สำหรับ มิจฉา คือ ไม่ถูกต้อง ผิด ไม่ดีมิจฉามรรค ก็คือ หนทางที่ผิด ไม่เป็นไปเพื่อการเจริญกุศล เป็นความเข้าใจผิดว่าสิ่งที่อบรมอยู่ เป็นทางหลุดพ้น แต่ความจริงไม่ใช่ และไม่รู้ว่าไม่ใช่ ถูกกิเลสหลอกลวงครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบข้างบนค่ะ แต่ขอเรียนถามอีกว่า เราจะทราบได้อย่างไรคะว่า
1. ทางที่กำลังดำเนินอยู่นั้นเป็น สัมมามรรคหรือ มิจฉามรรค
2. ถ้าดำเนินมิจฉามรรคโดยที่ไม่รู้ว่า เป็นมิจฉามรรค แล้วจะให้ผลอย่างไร สามารถนำปฏิสนธิได้หรือไม่ และในภพภูมิใด ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ ภาวนา คุณหพันธ์
เรียนความเห็นที่ ๓
๑. รู้ได้โดยการเทียบเคียงกับพระธรรมคำสอน ว่าตรงกับที่ทรงแสดงไว้หรือไม่
๒. ถ้าเป็นความเข้าใจผิด เห็นผิด รู้ผิด..ย่อมนำปฏิสนธิในอบายได้ครับ
ในประเทศไทย ก็มีหลายสำนักที่สอน และปฏิบัติต่างๆ กันมากมาย ปุถุชนยังมีอวิชชาอยู่มาก ย่อมไม่มีทางทราบได้เลยว่า ที่ไหนสอนถูกหรือผิด ขอเรียนถามว่า จะสร้างเหตุปัจจัยอย่างไร ที่จะมีผลทำให้ได้พบกับผู้ที่สอนได้ถูกต้องตามพระไตรปิฏก คะ
ขอบพระคุณมากค่ะ ภาวนา คุณหพันธ์
จะสร้างเหตุปัจจัยอย่างไร ก็คือขณะนี้ ยุคนี้ ยังมีโอกาสที่จะได้เข้าใจพระธรรม ก็ควรที่จะศึกษาธรรมจากผู้รู้ แล้วไตร่ตรองพิจารณาธรรมที่ได้ฟัง พร้อมกับสอบทานเทียบเคียงกับสิ่งที่มีในชีวิตประจำวัน และโดยตรงจากพระไตรปิฎก เราจะฟังจากใครก็ตามถ้าเราไม่ได้สะสมปัญญามามาก เราย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะไปตัดสินผู้แสดงธรรมได้ว่าท่านกล่าวธรรมถูก หรือ ผิด แต่อาจจะพอพิจารณาจากสิ่งที่ท่านกล่าวได้ คือ ไม่ได้คัดค้าน แต่ก็ไม่ได้รีบเชื่อไปเสียทีเดียว ถ้าหากว่าท่านยังไม่ได้สอนให้เราเกิดปัญญาของตนเอง และเราเองก็ยังไม่ได้ไตร่ตรองสิ่งที่ได้ฟังให้ละเอียดรอบคอบ ก็ไม่ควรสรุปสิ่งที่ได้ฟังเข้าข้างความเห็นของเรา คือ ไม่ควรรีบปักใจเชื่อ จนกว่าจะเกิดความเห็นที่ถูกในธรรมที่ได้ฟัง เพราะพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ได้มาจากความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่เป็นสัจจะ เป็นคำจริงจากความจริงที่ทรงตรัสรู้ แล้วทรงพระมหากรุณาแสดงไว้เพื่อเกื้อกูลให้สาวกที่สะสมบุญในอดีตมา ได้เกิดปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น ก็จะเห็นประโยชน์ของพระธรรมมากขึ้น เมื่อนั้นจึงจะเป็นปัจจัยให้ถึงการน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อละอกุศล เพื่อเจริญกุศลให้ถึงพร้อมเพื่อพ้นทุกข์ นี่คือ การสร้างเหตุปัจจัย โดยเริ่มต้นศึกษาพระธรรมด้วยความเป็นผู้ไม่ประมาท คือ ไม่รีรอโอกาสข้างหน้า และไม่หวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ถ้าหากมีเวลา ก็ขอแนะนำให้ฟังธรรมจากในเว็ปไซต์นี้ดูครับ มีบริการทั้งฟัง ชม อ่าน สนทนาธรรมรวมทั้งบริการพระไตรปิฎกให้ดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น