สะสมมาอย่างไร ความคิดก็เกิดตามการสะสม
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ ปัญญาต้องเรี่มจากการไถ่ถอน การยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นวัตถุสี่งหนึ่งสี่งใด โดยรู้ตามความเป็นจริงว่า เป็นสภาพแต่ละอย่าง แต่ละทางซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไป เท่านั้นค่ะ ไม่ต้องไปทำอะไรเลย ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับความคิด หรือว่าโลภะ หรืออะไรก็ตามแต่ เพราะว่าตราบใดที่ยังมีอวิชชาอยู่ ก็มีเหตุปัจจัยที่จะให้ คิดตลอดเวลา เรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง เป็นกุศลบ้างเป็นอกุศลบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นอกุศล ซึ่งก็จะต้องมีการฟังพระธรรม ให้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรมในชีวิตประจำวันละเอียดขึ้น เป็นการเกื้อกูลอุปการะให้รู้จักตนเองตามความเป็นจริง ไม่ให้เข้าใจผิด เช่น เรื่องความสำคัญของความคิด ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าทุกชีวืตมีสภาพเกิดแล้วก็ดับๆ ๆ ไม่หยุดเลย เท่ากับว่าก้าวไปทุกขณะ เกิดขึ้น ก้าวไป แล้วก็ดับ ตามความคิด
เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันของแต่ละคนให้ทราบว่า คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น สะสมมาอย่างไร ความคิดก็เกิดตามการสะสม คิดที่จะริษยา คิดที่จะตระหนี่ หรือคิดที่จะเมตตา นั่นก็แล้วแต่การสะสมทั้งสี้น ซึ่งก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แต่ทุกคนมีโอกาสที่ เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วก็พิจารณาความคิดของตนเอง ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็น จิต เจตสิก ซึ่งเกิดแล้ว ก้าวไปทุกขณะ แต่ลืมพิจารณว่า ก้าวไปไหน รู้แต่เพียงว่าจิตเกิดแล้วก็ดับ จิตเกิดแล้วก็ดับ แล้วทุกขณะนี้ก็ก้าวไป แต่ก็ไม่ได้พิจารณาให้มากกว่านั้นว่า ที่กำลังก้าวไปทุกวันตั้งแต่ลืมตาตื่นนี้ ก้าวไปไหน ก้าวไปสู่ความมัวเมา ก้าวไปสู่ความไม่รู้ ก้าวไปสู่ ความเศร้าหมอง ความไม่สะอาด ก้าวไปสู่มหาสมุทรของสังสารวัฏฏ์ ก้าวไปสู่ความที่ จะให้ถูกผูกมัดให้แน่นขึ้น ตั้งแต่ลืมตาจนหลับ จริงหรือเปล่า
ทุกคนมีโอกาสที่ เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วก็พิจารณาความคิดของตนเอง ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็น จิต เจตสิก ซึ่งเกิดแล้ว ก้าวไปทุกขณะ แต่ลืมพิจารณว่า ก้าวไปไหน รู้แต่เพียงว่าจิตเกิดแล้วก็ดับ จิตเกิดแล้วก็ดับ แล้วทุกขณะนี้ก็ก้าวไป แต่ก็ไม่ได้พิจารณาให้มากกว่านั้นว่า ที่กำลังก้าวไปทุกวันตั้งแต่ลืมตาตื่นนี้ ก้าวไปไหน
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ