เวลาที่คิดจะคิดเป็นคำ
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ ขณะคิดนึกนั้นเป็นจิตหรือเปล่าคะ? เป็นจิต ค่ะแล้วเป็นจิตในทวารหนึ่ง ทวารใดใน ๕ ทวารหรือเปล่า? ไม่ใช่
เพราะฉะนั้น ก็คือมโนทวารวิถีจิตนั่นเองที่คิด โดยมโนทวาราวัชชนจิตเกิด เป็นขณะแรก นึกถึงแล้วแต่ว่า เวลาที่คิดจะคิดเป็นคำ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นเสียงใช่ไหมคะ เวลาที่เราคิดถึงเรื่องอะไรก็ตามเป็นสัญญาความจำในเสียง ถ้าเป็นเรื่่องราวต่างๆ ถ้าเป็นสีสัน วรรณะ ต่างๆ ที่เราคิดนึกไป ขณะนั้นก็เป็นสัญญาความจำ สีสัน-วรรณะ ต่างๆ ถ้าจะเป็นการคิดเรื่องกลี่น ถ้าเป็นคนที่สนใจในเรื่องกลี่น อาจจะเป็นคนที่ปรุงน้ำหอม หรือว่ามีกิจธุระที่เกี่ยวกับเครื่องหอมต่างๆ ความคิดของเขาก็อาจจะคิดเรื่องกลี่น เพราะฉะนั้นในขณะนั้นก็เป็นการทรงจำเรื่องกลี่น ซึ่งไม่ใช่เป็นคำๆ ก็ได้ หรือว่าจะจำเรื่องรสอะไรก็แล้วแต่ แต่ในขณะนั้นที่คิดนึกเป็นเรื่องราวต่างๆ ให้ทราบว่าขณะนั้น เรื่องทุกเรื่องจะต้องเป็นความทรงจำเสียง มิฉะนั้นแล้วเรื่่องไม่มีเลยลองอยู่เฉยๆ เรื่องมีไหมคะ แต่ถ้านึกถึงเรื่องๆ อะไรก็ได้ ชื่อคนก็ได้ ก็ต้องมีเสียง ซึ่งเป็นความทรงจำเสียง ที่ทำให้เกิดมโนทวาราวัชชนจิต นึกถึงเป็นคำ ทีหลังจากนั้น เมื่อมโนทวาราวัชชนจิตดับแล้ว ชวนจิต สำหรับผู้ซึ่งไม่ใช่พระอรหันต์ จะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต
คือจะนึกด้วยโลภะสนุก อย่างคนที่แต่งหนังสือนวนิยาย เขาก็จะต้องคิดด้วยโลภมูลจิต หรือ โทสมูลจิต แล้วแต่ว่าจะเป็น จะให้เรื่องราวนั้นดำเนินไปอย่างไร
นั่นก็แสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่่องของความคิดนึก ซึ่งขณะนั้นเป็นโลภมูลจิตคิด หรือโทสมูลจิตคิด หรือ โมหมูลจิตคิด หรือ กุศลจิตคิด ให้คิดเรื่องกุศล หลายท่านที่ได้ฟังพระธรรมแล้วเวลานอนแทนที่จะคิดถึงเรื่องอื่น ก็คิดเรื่อง ธรรม
ขณะนั้นกำลังพิจารณา กำลังไตร่ตรอง กำลังเข้าใจในเหตุและในผล ของธรรมนั้นๆ ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิตทีคิด เพราะฉะนั้นวิถีจิต ซึ่งเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง และสำหรับพระอรหันต์ท่านก็ยังคิด ก็เป็น กิริยาจิต
ผู้ฟัง แต่คิดนี้ มโนทวาราวัชชนจิต ใช่ไหม คะ
ท่านอาจารย์ สำหรับมโนทวารวิถีจิต ไม่ใช่ ภวังคจิต และ ไม่ใช่ จักขุทวารวิถีจิต กายทวารวิถีจิต แต่เป็น มโนทวารวิถีจิต เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจว่า มโนทวาร ไม่ใช่ มโนทวารวิถีจิต มโนทวาร ได้แก่ภวังคุปัจเฉทะ ซึ่งถ้า ภวังคุปัจเฉทะไม่เกิด วิถีจิตจะเกิดไม่ได้เลย ต่อเมี่อใดภวังคุปัจเฉทะดับ จิตขณะต่อไปต้องเป็น วิถีจิต หมายความว่า รู้อารมณ์ซึ่งไม่ใช่อารมณ์ของภวังค์ของทางหนึ่งทางใด อาจจะรู้อารมณ์ทางตา..........หรือทางกายซึ่งถ้าไม่ใช่ ๕ อารมณ์นี้ ก็คือ นึกคิด รู้อารมณ์ทางใจ โดยอาศัย ภวังคุปัจเฉทะ ดับ แล้วมโนทวาราวัชชนจิต เป็นวิถีแรกทางมโนทวาร เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นสภาพธรรมที่นึกถึงอารมณ์ทางใจ เมื่อดับแล้ว โลภมูลจิต หรือ โทสมูลจิต หรือ โมหมูลจิต หรือกุศลจิต หรือสำหรับพระอรหันต์ก็เป็น กิริยาจิต ทำกิจชวนะ ๗ ขณะ นั่นคือ นึก ค่ะ
ผู้ฟัง คิดนึกนี้เป็นวาระ ละ ๑ คำใช่ไหมคะ
ท่านอาจารย์ ค่ะ