อวิชชา
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ สภาพธรรมใดเกิดขึ้น ต้องมีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิด เมื่อเกิดแล้วดับ ท่านผู้ฟังคิดแยะไหมคะนี่ ตั้งแต่มานั่งที่นี่ คิดมากมายยังไม่จบ แล้วยังต้องคิดต่อไปอีก แสดงให้เห็นว่า เรื่องของความคิดนี้ไม่เคยหยุดเลยในสังสารวัฏฏ์ ยังจะต้องคิดต่อไปอีก แล้วแต่ว่าจะคิดเรื่่่องอะไร
สำหรับการศึกษาพระธรรมนี้ จริงๆ แล้ว อวิชชา ทำให้ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วก็ทำให้เกิดความสงสัยด้วย ทั้งๆ ที่สภาพธรรมปรากฏเป็นจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือขณะนี้สี่งที่ปรากฏทางตา ไม่มีใครที่สามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลง ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้เลย แต่ความไม่รู้ทำให้บางคนบอกว่า รูปารมณ์ไม่เคยปรากฏ นี่ใช้ชื่อนะคะ คือใช้คำว่า รูปารมณ์ เพราะว่ามาจากคำว่า รูป +คำว่า อารมณ์ หมายความว่า ขณะใดที่จิตเห็นรูป รูปนั้นเป็นอารมณ์ของจิต และใช้กับทางตาเท่านั้น คือรูปารมณ์ได้แก่สีต่างๆ ถ้าใช้คำว่า รูปารมณ์เป็นภาษาบาลี แต่ภาษาไทยก็ไม่ยาก เพราะว่าสี่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้นเองค่ะ แล้วขณะนี้มีใครบ้าง ที่ไม่มีสี่งที่ปรากฏทางตาปรากฏในขณะที่กำลังเห็น แต่ไม่รู้ความจริงว่า เป็นเพียงสี่งที่ปรากฏทางตา เพียงเท่านี้เองค่ะ
อวิชชาทำหน้าที่ของอวิชชา เนี่นนานมาในแสนโกฏิกัปป์ และวิชชากำลังค่อยๆ จะมี วิริยะ เพียรที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เพื่อที่จะละอวิชชา ความไม่รู้ที่สะสมมานาน แต่ไม่ใช่ไม่รู้อะไร ไม่รู้สี่งที่ปรากฏทางตาตามปกติ ให้เกิดเป็นความรู้ขึ้น จนกระทั่งมีความมั่นใจจริงๆ ว่า เป็นเพียงสี่งที่ปรากฏทางตา ลักษณะของอวิชชา กับลักษณะของปัญญานั้นต่างกัน อวิชชาไม่รู้ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นก็ชอบสีต่างๆ เป็น สีกล้วยไม้ สีดอกไม้ เป็นสีเครื่องประดับ เป็นสีอาภรณ์เสื้อผ้า อะไรต่างๆ เป็นบุคคลนั้น บุคคลนี้ ผิวพรรณงาม ผิวพรรณทราม ต่างๆ แล้วแต่
นี่ก็เป็นเรื่องของสีที่ปรากฏ แต่ตราบใดที่ยังมี "อวิชชา" อยู่ ยังต้องมีความพอใจใน สี ที่ปรากฏ แต่สำหรับผู้ที่เข้าใจ สี ที่ปรากฏ หรือสี่งที่ปรากฏทางตา ตามความเป็นจริง รู้ตัวว่าไม่ใช่เป็นความพยายาม จะไม่ให้มีความพอใจ ในสี่งที่ปรากฏทางตา เป็นแต่เพียงเรี่มเข้าใจให้ถูกต้องว่า สี่งที่ปรากฏทางตา เป็นของจริงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
"เป็นแต่เพียงเริ่มเข้าใจให้ถูกต้อง ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นของจริงอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล"
เป็นแต่เพียงเริ่มเข้าใจ (ขั้นฟัง) อยู่ เพราะอวิชชาสะสมมามากจริงๆ ครับ
อวิชชาทำหน้าที่ของอวิชชา เนี่นนานมาในแสนโกฏิกัปป์ และวิชชากำลังค่อยๆ จะมี วิริยะ เพียรที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เพื่อที่จะละอวิชชา ความไม่รู้ที่สะสมมานาน แต่ไม่ใช่ไม่รู้อะไร ไม่รู้สี่งที่ปรากฏทางตาตามปกติ ให้เกิดเป็นความรู้ขึ้น จนกระทั่งมีความมั่นใจจริงๆ ว่า เป็นเพียงสี่งที่ปรากฏทางตา....
...กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...