ความเข้าใจเรื่องสมาธิ

 
พุทธรักษา
วันที่  23 พ.ย. 2553
หมายเลข  17551
อ่าน  3,560

ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม ณ "บ้านมิ่งโมฬี"

อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

วันที่ ๗-๘ กันยายน ๒๕๕๓ ถอดเทปบันทึกเสียง โดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง เห็นท่านพูดไว้เยอะ เรื่อง "สมาธิ" ในหลายที่

ท่านอาจารย์ ในพระไตรปิฎก มีคำว่า "มิจฉาสมาธิ" กับ "สัมมาสมาธิ" ไม่ควรจะเผิน ไม่ใช่พอได้ยินคำว่า "สมาธิ" ก็ชอบและอยากจะมีสมาธิ ขณะมีสมาธิ ขณะนั้นจิตมั่นคงไม่วอกแวก แต่ถ้าไม่มี "ปัญญา" เกิดร่วมด้วย แม้ขณะนั้นก็ไม่สงบ เพราะว่าจริงๆ แล้วขณะที่เราต้องการจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด อย่างเช่น ต้องการอ่านหนังสือหรือไม่อยากให้ใครรบกวน ขณะนั้น อาจจะเห็น "ลักษณะของสมาธิ" ได้ แต่ว่าขณะนั้นก็ไม่ใช่กุศลจิต

เพราะฉะนั้น ถ้าศึกษาพระธรรมโดยละเอียด จะต้องรู้ว่า การที่จิตหนึ่งขณะซึ่งเป็นธาตุรู้จะเกิดขึ้นรู้สิ่ง (อารมณ์) เดียว ก็เพราะว่าขณะนั้นมี "สภาพธรรมที่เป็นเจตสิกประเภทหนึ่ง" ซึ่งเป็น "สภาพธรรมที่มีลักษณะตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้" เพราะฉะนั้น จิตจึงรู้อารมณ์เดียว ทุกขณะที่จิตรู้อารมณ์เดียวเรียกว่า "ขณิกสมาธิ" ซึ่งมาจากคำว่า "ขณะ" และ "สมาธิ" มีสมาธิ (เจตสิก) เกิดพร้อมกับจิตทุกขณะ เมื่อจิตเกิดขึ้นจิตต้องรู้อารมณ์ทีละหนึ่งๆ เพราะจิตมีความตั้งมั่นในอารมณ์ทีละหนึ่ง

เพราะฉะนั้น ลักษณะของสมาธิเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกขณะ ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นสมาธิอย่างที่เข้าใจกัน แต่ถ้ามีความตั้งมั่นในอารมณ์ใดนานพอสมควร "ลักษณะความตั้งมั่นของอารมณ์นั้น" ก็ปรากฏให้จิตรู้ได้ ที่ใช้คำว่า "สมาธิ" ถ้าไม่ประกอบด้วย "ปัญญา" ก็เป็นอกุศลจิต

เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ อาจจะเข้าใจว่าอกุศลจิตเป็นกุศลจิต แต่ถ้ามีปัญญาก็จะรู้ได้ว่า ขณะที่เป็นอกุศลจิตไม่ใช่ขณะที่เป็นกุศลจิต โลภะเกิด เป็นอกุศลจิต โทสะเกิด เป็นอกุศลจิต โลภะและโทสะเกิดขึ้นเพราะโมหะคือความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่รู้ (ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง) ก็เป็น "ปัจจัย" ที่ทำให้อกุศลจิตเกิดขึ้น.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 23 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaiyut
วันที่ 23 พ.ย. 2553

โลภะและโทสะ เกิดขึ้นเพราะโมหะคือความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่รู้ (ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง) ก็เป็น "ปัจจัย" ที่ทำให้อกุศลจิตเกิดขึ้น.

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
aiatien
วันที่ 23 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 23 พ.ย. 2553

แต่ถ้ามีความตั้งมั่นในอารมณ์ใดนานพอสมควร "ลักษณะความตั้งมั่นของอารมณ์นั้น" ก็ปรากฏให้จิตรู้ได้ ที่ใช้คำว่า "สมาธิ" ... ถ้าไม่ประกอบด้วย "ปัญญา" ก็เป็นอกุศลจิต ค่ะ

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 17 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 26 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 6 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nopwong
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 22 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
swanjariya
วันที่ 27 เม.ย. 2557

อนุโมทนาขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 4 พ.ย. 2558

สาธุ อนุโมทนา ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Jarunee.A
วันที่ 21 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ