ชีวิตจริงๆ ของแต่ละคนสั้นแสนสั้น ชั่วขณะๆ เท่านั้นเอง [1]

 
pirmsombat
วันที่  25 พ.ย. 2553
หมายเลข  17564
อ่าน  1,690

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ คราวก่อนได้พูดถึงเรื่องเหตุให้เกิดตัณหา หริอโลภะ ซึ่งเพราะ ผัสสะเป็นปัจจัย เวลาที่ฟังกำลังเข้าใจ แค่หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง ก็จะลืม เวลาที่โลภะเกิด ก็ลืมไปอีกว่า เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เพราะมีการกระทบอารมณ์จึงทำให้มี ความยินดีชอบใจ ในสี่งที่กำลังเห็น ถ้าอารมณ์นั้นเป็นสี่งที่น่าพอใจ ซึ่งถ้าจะพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นความน่าอัศจรรย์ของสภาพธรรม ซึ่งสภาพธรรมทุกอย่าง อาศัยเหตุปัจจัยจึงได้เกิดขึ้น แล้วก็กระทบโดยผัสสะ ทำให้มีการเห็นสี่งนั้นบ้าง หรือว่าได้ยินเสียงต่างๆ บ้าง สำหรับ ผัสสะ ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่าเกิดเพราะอะไร เพราะว่าต้องมีปัจจัยทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ผัสสะก็จะเกิดได้ ในเรื่องของปฏิจจสมุปบาท ก็ทราบว่าผัสสะเกิดเพราะ อายตนะ ก็รู้สึกว่าจะยากสำหรับบางท่าน ที่ไม่คุ้นกับภาษาธรรม แต่ความจริงแล้วก็คือ ตา หู จมูก ลี้น กาย และอารมณ์ที่รู้ได้ทางใจ ที่ใช้คำว่าธัมมารมณ์

เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ภาษาบาลี ซึ่งดูเหมือนจะยาก แต่ความจริงแล้ว เป็นสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ทุกขณะในชีวิตประจำวัน ทั้งตา....กาย ใจ นั่นเอง แต่เมื่อไม่่มีการฟังให้เข้าใจ ก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว เมื่อชีวิตดำเนินไปทุกขณะ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เพราะฉะนั้นก็ย่อมสามารถที่จะฟัง แล้วก็พิจารณา แล้วก็เกิดความเข้าใจ และอาจจะเป็นปัจจัยให้ สติเกิดระลึก ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ก็ได้

สำหรับวันนี้ขอกล่าวถึง เรื่องของ "อานตนะ ๑๒" คือ ตา หู จมูก ลี้น กาย ใจ รูป เสียง กลี่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมมารมฌ์ ไม่ยากแล้ว ใช่ไหมคะ

"อายตนะ" ข้อความในพระ อภิธรรมปิฏก วิภังคปกรณ์ อายตนวิภังคนิทเทส แสดง อายตนะ ๑๒ มีข้อความว่า ที่เสียงกำลังปรากฏ มีใครรู้ว่ากำลังมี ฆานะปสาทรูปบ้าง ขณะที่เสียงปรากฏ

อายตนะ ๑๒ คือ

๑ จักขายตนะ

๒ รูปายตนะ

๓ โสตายตนะ

๔ สัททายตนะ

๕ ฆานายตนะ

๖ คันธายตนะ

๗ ชิวหายตนะ

๘ รสายตนะ

๙ กายายตนะ

๑๐ โผฏฐัพพายตนะ

๑๑ มนายตนะ

๑๒ ธัมมายตนะ

ค่อยๆ คุ้นหูขึ้น ก็จะทำให้เข้าใจความหมายและลักษณะของสภาพธรรมขึ้น ซึ่งภาษาบาลี ก็จะได้ยินบ่อยๆ ในภาษาไทย จักขุ แต่เมื่อเป็นอายตนะ คือที่ประชุมก็เป็น จักขายตนะ รูปคือ สี สรร วรรณะ เมื่อเป็นที่ประชุมที่ทำให้การเห็นเกิดขึ้นก็เป็น รูปายตนะ โสต คือ หู โสตปสาทรูป เมื่อเป็นที่ประชุม ที่ทำให้เกิดการได้ยินเสียง โสตปสาทรูปนั้น ก็เป็น โสตายตนะ และ เสียง คือ สัททะ เมื่่อกำลังได้ยิน กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ ขณะนั้น ก็หมายความว่ากำลังประชุม อยู่ตรงที่ จะทำให้ โสตวิญญาณเกิดขึ้น ได้ยินเสียง เพราะฉะนั้นเสียงนั้น จึงเป็น สัททายตนะ

๕ ฆานายตนะ ก็คือ ฆานะ ได้แก่ ฆานะปสาทรูป ซึ่งเป็นรูปซึ่งกระทบ กลี่นขณะใดที่กลี่นไม่ปรากฏ ฆานปสาทรูปก็เกิดแล้วก็ดับไป ขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ มีใครรู้สึกว่า มี ฆานะปสาทรูป บ้างคะ มีไหมคะ มีหรือไม่มี ขณะนี้ที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ธรรมเป็นสี่งที่พิสูจน์์ได้ค่ะ

ขณะนี้ที่เสียงปรากฏ มีใครรู้ว่ากำลังมีฆานปสาทรูปบ้าง ขณะที่เสียงกำลังปรากฏค่ะ ฆานปสาทรูปเกิดแล้ว ดับแล้ว โดยไม่เป็นอายตนะ แต่ขณะใดก็ตาม ซึ่งกำลังได้กลี่น ไม่ใช่รู้กลี่นทางตา หรือทางหู แต่ขณะนั้นเพราะมีฆานะปสาทรูป กระทบกับกลี่น เพราะฉะนั้นทั้งฆานะปสาทรูป ก็เป็น ฆานายตนะ กลี่น คือ คันธะก็เป็นคันธายตนะ เพราะว่าประชุมกัน ชั่วในขณะที่เกิดแล้วยังไม่ดับ

นี่คือชีวิตจริงๆ ของแต่ละคน สั้นแสนสั้น คือมีสภาพธรรมที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา .... ทางกาย ทางใจ ชั่วขณะๆ เท่านั้นเอง

อายตนะที่ ๗ คือ ชิวหายตนะ ได้แก่ ชิวหาปสาทรูป ขณะที่กระทบกับรส ขณะนี้ใครรู้ว่ามี ชิวหาปสาทรูปบ้าง มีไหมคะ บางท่านก็ส่ายหน้า บางท่านก็พยักหน้าให้ชัดอีกครั้งหนึ่งนะคะ จิตเกิดขึ้นทีละหนึ่งขณะในขณะที่กำลังเห็น ใครรู้บ้างว่ามีชิวหาปสาทรูป ไม่มี เพราะอะไรคะ รูปเกิดดับเร็วมาก ๑๗ ขณะจิตนี้ สั้นแสนสั้นทีเดียว ชิวหาปสาทรูป เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่เป็น อายตนะ เพราะว่าไม่ได้กระทบกับรส เพราะฉะนั้นเวลาที่มีการรับประทานอาหาร และมีการลี้มรส ในการสนทนาธรรม อาจจะมีการเตือนว่า ชิวหายตนะ กับ รสายตนะ ขณะที่กำลังลี้มรสต่างๆ ชิวหาปสาทรูป ก็เป็นชิวหายตนะ รสะ คือ รส ก็เป็น รสายตนะ ชั่วขณะที่รสปรากฏ หมดแล้วค่ะ ชีวิตขณะหนึ่งๆ ๆ ๆ เท่านั้นเอง

(มีต่อครับ)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 26 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pirmsombat
วันที่ 26 พ.ย. 2553

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
govit2553
วันที่ 27 พ.ย. 2553

เชิญต่อครับ กำลังติดตาม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pamali
วันที่ 29 พ.ย. 2553

ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กราบท่านอจ.และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ