ปัญญาจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ต้องฟังเป็นพหูสูต
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ เป็นปกติธรรมดาเจ้าค่ะ นี่คือความจริง เพราะว่าปัญญาจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ต้องอาศัยการฟังเป็นพหูสูตร และเมื่อสติเรี่มระลึกก็จะมีการคิดนึก เรื่องของสภาพธรรม แต่ว่าไม่ใช่การที่จะรู้โดยไม่ต้องคิดเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า ปัญญามีหลายขั้น ทั้งๆ ที่ขณะนี้มีสภาพธรรมกำลังปรากฏเป็นของที่แน่นอนที่สุดทางตานี้ สภาพธรรมกำลังปรากฏ ใครที่ลืมไปก็ให้ทราบ และ ระลึกได้ในขณะนี้ว่า ทางตากำลังมีสภาพธรรมกำลังปรากฏ ทางหูมีสภาพธรรมกำลังปรากฏ สำหรับผู้ที่อบรมเจริญปัญญา จนรู้ทั่วจะไม่มีความสงสัยเลยว่า สภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตา ก็คือปกติอย่างนี้
แต่สำหรับผู้ที่ปัญญายังไม่ได้อบรมจนถึงขั้นที่สามารถจะรู้ได้ว่า สี่งที่กำลังปรากฏเหมือนก่อน ไม่ผิดกันเลย แต่แต่ก่อนนี้ไม่เคยรู้เลยว่า เป็นเพียงสภาพธรรม แต่เมื่อได้อบรมเจริญปัญญา ความรู้จึงเพี่มขึ้น จนกระทั่งชินกับลักษณะที่กำลังปรากฏ และ ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า สภาพธรรมคืออย่างนี้ เป็นปกติธรรมดา
เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ที่จะเข้าใจ ลักษณะของสภาพธรรมที่ กำลังปรากฏ เท่านั้นเอง เจ้าค่ะ สภาพธรรมไม่เปลี่ยน เคยเห็นอย่างนี้นานมาแล้ว แต่ว่าก่อนนั้นไม่รู้เท่านี้เอง เจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐานหรือว่าการอบรมเจริญปัญญาไม่ใช่ทำอย่างอื่น นอกจากขณะใดที่สติเกิด ก็รู้ว่าขณะนี้เป็นสภาพธรรมเหมือนปกติ แต่ความรู้ ค่อยๆ เจริญขึ้นถ้ายังไม่เจริญ ก็ระลึกอีก ทางหู ทางตา .... ทางกาย ทางใจ ตามปกติจริงๆ
เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญาของแต่ละท่านจึงเป็นปัจจัตตัง เป็นความรู้เฉพาะตน ซึ่งไม่ใช่การหลอกตัวเอง และคนอื่น ก็ไม่สามารถที่จะมาหลอกได้ ว่าท่านผู้นี้มีปัญญาขั้นนั้น ขั้นนี้ แต่ว่าเป็นปัญญาของผู้ที่มีสติระลึกจริงๆ ที่จะรู้ว่า ปัญญาของตนเองมีมากแค่ไหน หรือว่ายังจะต้องอบรมเจริญต่อไป เจ้าค่ะ เพราะว่าความจริงเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้น จุดประสงค์ก็ไม่ใช่เพื่อจะเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้เจ้าค่ะ เพราะว่าถัาจุดประสงค์จะเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ นั่นเป็นความหวัง นั่นเป็นความต้องการ แต่ว่าไม่ใช่ปัญญาที่รู้เหตุจริงๆ ที่จะทำให้เป็นพระอริยบุคคล ถ้าเป็นปัญญาที่จะทำให้รู้เหตุจริงๆ ที่จะเป็นพระอริยบุคคล ก็คือปัญญาที่รู้ว่า สภาพธรรมกำลังปรากฏในขณะนี้ แล้วสติเกิดคืออย่างไร และเมื่อสติเกิดแล้วมีความรู้ความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอย่างไร ขอให้เป็นการอบรม เจริญปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติไปเรื่อยๆ
นี่เป็นเหตุที่ว่า ถ้าปัญญาสามารถที่จะรู้อย่างนี้จริงๆ วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเมื่อใด ย่อมได้ มัคคจิต ผลจิต จะเกิดขึ้น เมื่อใดย่อมได้ แต่ถ้าไม่มีปัญญาอย่างนี้ไม่มีทางเลย ที่วิปัสสนาญาณจะเกิด หรือว่า โลกุตตรจิตจะเกิด เจ้าค่ะ
เพราะว่าปัญญาจะรู้ ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ต้องอาศัยการฟังเป็นพหูสูตร และเมื่อสติเรี่มระลึกก็จะมีการคิดนึก เรื่องของสภาพธรรม แต่ว่าไม่ใช่การที่จะรู้โดยไม่ต้องคิดเจ้าค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะคุณหมอค่ะ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาทุกท่าน
สำหรับคุณเมตตา ฝากเรื่อง สุพรหมเหพบุตร ด้วยครับสำหรับข้อความคุณคงทราบแล้ว แต่เนื้อหา คุณไกล้เข้าไปทุกขณะแต่ทราบกันแล้วว่าเป็นจิรกาลภาวนาครับ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เรายังมองไม่เห็นความสวัสดีแห่งสัตว์ทั้งหลายนอกจากปัญญาและความเพียรนอกจากความสำรวมอินทรีย์ นอกจากความสละวางทุกสิ่งทุกอย่าง