ละความยินดี - นิพพิทาญาณ

 
pirmsombat
วันที่  17 ธ.ค. 2553
หมายเลข  17630
อ่าน  2,100

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

พระภิกษุ การที่สติเกิดไม่สามารถที่จะหมดการยึดถือ ตัวตน ได้ทีเดียว ก็ชี้ให้เห็นว่าอย่างการที่สติเกิดขึ้น สติแม้กระทั่งระลึกที่รสแล้ว สติยังไม่สามรถที่จะเกิดระลึกรู้ลักษณะที่ไม่ใช่ลี้น ซึ่งอาจจะเป็นอ่อนหรือแข็งเพราะว่าในการเจริญสติปัฏฐานยังไม่มีการระลึกบ่อยๆ เนืองๆ ซึ่งเป็นอนัตตา และสติที่เกิด อาตมาสังเกตว่าจากการศึกษาจริงๆ ที่จะน้อมไปในขณะที่สติเกิดขึ้น ไม่ต่างกับปริยัติ หรือนอกเหนือจากปริยัติ เพราะว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงให้คลายความเป็นอัตตา ความยึดถือว่าเป็นกลุ่มก้อน

จากเมื่อสักครู่ที่ว่า การที่บุคคลได้ศึกษา อาตมาพบจากการศึกษา การศึกษาพระสูตรไม่ดี ซึ่งพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็น ปุคคลบัญญัติ ถ้าเกิดศึกษามากๆ แล้ว และไม่นึกถึงการแยก ฆนสัญญา ออก ถ้ายังเข้าใจอยู่ว่าเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ ซึ่งบุคคลบางท่านอาจจะมีกุศลจิตเกิดมาก ไม่เคยเกิดมาก่อน เจริญกุศลจนบางครั้งคิดว่า ไม่มี โลภ โกรธ หลง รู้สึกว่าหลุดคลายจริงๆ อาจจะคิดว่า ทางนี้เป็นทางพ้น แต่ถ้าเทียบเคียงปริยัติว่า ไม่ได้มีการแยกสี่งหนึ่งสี่งใดออกทีละอย่างจริงๆ จนกระทั่งเข้าใจถูกว่า ควรจะนึกถึงพวกนี้ให้มาก

ท่านอาจารย์ ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบจริงๆ จึงจะรู้ได้ว่า ธรรมที่กล่าวไว้ แม้ในอรรถกถา ก็ได้แสดงไว้ว่าหมายถึงอะไร เช่น ละความยินดี ในอรรถกถาจะแสดงว่าหมายความถึง นิพพิทาญาณ ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณ แต่ว่าคนที่อ่านพระสูตรก็บอกว่า ละความยินดีเฉยๆ บางคนก็อาจจะละโดยไม่มีความรู้อะไรเลยเมื่อเห็นก็ละความยินดี ก็คิดว่าละแล้ว แต่ความจริง ถ้าปัญญายังไม่เกิดไม่ได้ละอะไรเลย เพราะว่าการละไม่ใช่เรื่องของบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่จะละ แต่เป็นกิจหน้าที่ของปัญญาเจตสิกเท่านั้นที่จะละได้ เพราะฉะนั้นถ้าปัญญายังไม่เกิด ก็หลงไปว่าละแล้ว หรือหลงไปว่าที่ทรงแสดงว่าละการยึดถือ ก็คือให้ละความยึดถือมีตัวตน ที่คิดว่าละความยึดถือได้โดยไม่ต้องอบรมเจริญปัญญา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prakaimuk.k
วันที่ 18 ธ.ค. 2553

...ถ้าปัญญายังไม่เกิด ไม่ได้ละอะไรเลย...

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เซจาน้อย
วันที่ 19 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาคร้บ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ups
วันที่ 20 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chaiyut
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบจริงๆ (ในการศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจเพื่อละอกุศล) "การละ .....ไม่ใช่เรื่องของบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่จะละ แต่เป็นกิจหน้าที่ของ ปัญญาเจตสิก เท่านั้นที่จะละได้ เพราะฉะนั้น ถ้าปัญญายังไม่เกิด (อกุศล) ก็ (ทำให้) หลงไปว่าละแล้ว (ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ละอะไร) "

...ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 21 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ