ไม่เข้าใจว่าบังคับบัญชาไม่ได้ยังไง
ไม่เข้าใจว่าบังคับบัญชาไม่ได้ยังไง ในเมื่ออยากมาฟังธรรมก็ยังได้มาแล้ว
อยากกินก๋วยเตี๋ยวก็เดินไปสั่ง ไม่เห็นเกี่ยวกับกรรม หรือเหตุปัจจัย
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก คือทรงจำแนก
รูปธรรมและนามธรรมแต่ละขณะๆ ว่าเกิดเพราะปัจจัยทั้งหมด สำหรับเรื่องที่ท่านยกมา
กล่าวถึงเหตุการณ์โดยรวม คือเป็นการกล่าวโดยรวบรูปและนามหลายขณะมาก คือ มี
จิตคิดใคร่จะฟังธรรมเพราะเห็นประโยชน์จึงมีการเคลื่อนไหวของจิตชรูป และการเดิน
ทาง ซึ่งจิตแต่ละขณะที่เกิดล้วนมีปัจจัยให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น แม้จิตคิดใคร่ที่จะฟังธรรมก็
เพราะปัจจัย แม้จิตที่ได้ยินหรือฟังธรรมก็มีปัจจัย ถ้าไม่มีปัจจัยย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ พระ-
พุทธองค์จึงทรงแสดงความจริงว่าเป็นเพราะปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าหากบังคับ
ได้ ทุกคนจะมีแต่จิตดีๆ ตลอดไปไม่มีอกุศลเลยแต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะทุก-
คนมีอกุศลจิตเกิดมากมายในชีวิตประจำวัน อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์มากมาย ฯ
เมื่อความหิวเกิด เรามิได้เป็นผู้บังคับ หรือกำหนดให้ความหิวเกิดความหิวเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัยที่ร่างกายต้องการอาหารเลี้ยงชีวิต หรือยังอัตภาพให้เป็นไปเช่นเดียว
กับความเจ็บไข้ วันนี้สุขสบายดี สามารถดำเนินชีวิตสั่งก๋วยเตี๋ยวรับประทานได้ แต่
ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้ หรือแม้ในชั่วโมงข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจตื่นขึ้นด้วยความมึน
ศีรษะปวดหัวเป็นไข้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ กรำแดดตากฝนที่ไหน เดินอยู่ดีๆ แม้ในบ้านก็
อาจเดินสะดุดของที่วางไว้ขาแพลง ทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ บังคับไม่
ได้ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยที่สั่งสมมาของแต่ละบุคคล (ตามกรรม) ชีวิตเป็นของน้อย
จงอย่าประมาทว่าเราเลือกทำอะไรก็ได้ เมื่อกุศลเจริญเป็นเหตุให้ทำความดีเช่นการ
ฟังธรรมแต่ในแต่ละวันของชีวิตล้วนเป็นไปเนื่องด้วยอกุศล สนองความต้องการ (โล
ภะ) แม้ในอาหารที่เลือก เสื้อผ้าที่ใส่ล้วนเกิดจากความติดข้อง กระทำมาจนเป็นนิสัย
เป็นความคุ้นเคย จนมองไม่ออก ว่าเป็นอกุศลเราบังคับให้ความเจ็บป่วย ชรา มรณะ
ไม่เป็นไปไม่ได้ เราไม่สามารถกำหนดให้มีอายุไปอีก ๘๐ ปี เช่นเดียวกับเราไม่
สามารถทราบว่าหมดกรรมนี้แล้วเราจะไปที่ใด ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยทุก
ชีวิตล้วนมีกรรมเป็นของ ตนๆ
เคยบ้างไหม บางครั้ง ที่นึกอยากจะกินอาหารร้านนั้น แล้วมีธุระหรือการงานยุ่งจน
ไม่ว่างที่จะไปหรือไปแล้วร้านปิด ก็บังคับไม่ได้ เป็นต้น เป็นการยกตัวอย่างเทียบเคียง
กับตัวอย่างที่ท่านยกมา ว่าอยากไปกินก๋วยเตี๋ยวก็ได้กิน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของ
สมมติบัญญัติ ทำให้เราเข้าใจว่าสามารถบังคับได้ ทำได้อย่างที่เราต้องการ แต่ตาม
ความเป็นจริงที่จะเข้าใจความหมายของการบังคับบัญชาไม่ได้ จะต้องศึกษาให้เข้าใจ
ถึง สิ่งที่มีจริง มีอยู่เพียง ๒ อย่าง คือรูปธรรม และ นามธรรม ก่อน และค่อยๆ ทำความ
เข้าใจความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่ปรากฏ มีความเห็นถูกว่า ไม่มีเรา มีแต่สภาพ
ธรรมะ การที่คนเราหรือ คุณ sms อยากกินก๋วยเตี๋ยวก็เพราะเกิดความหิวขึ้น ซึ่งคุณ
สามารถบังคับให้ไม่หิวได้ไหม? ซึ่งความหิวเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา และ
เมื่อมีความเข้าใจถูกว่าไม่มีเราแล้ว จะมีใครที่ไหนเล่าที่จะมาบังคับบัญชา เพราะแท้ที่
จริง มีแต่สภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยและดับไป และการสะสมของสภาพ
ธรรม จึงมีการกระทำแตกต่างกันเกิดขึ้น ตามการสะสมมา นั่นเอง