คำถามของเด็กอนุบาล ....จิตรู้แข็ง กับ ปัญญารู้แข็ง

 
๐คุณย่า๐
วันที่  31 ธ.ค. 2553
หมายเลข  17663
อ่าน  4,442

ประจำวันอาทิตย์ ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๑

"คำถามของเด็กอนุบาล ... จิตรู้แข็ง กับ ปัญญารู้แข็ง"

ขวัญเรือน และคำถามของเด็กอนุบาล อีกคำถามหนึ่งคือ ขณะที่กายวิญญาณรู้แข็ง ต่างกับปัญญารู้แข็งอย่างไร

ท่านอาจารย์ ค่ะ เด็กๆ รู้ไหมว่า แข็ง คนที่ไม่ได้ฟังธรรมรู้ไหมว่า แข็ง หน้าที่ของกายวิญญาณคือ จิต เป็นสภาพที่รู้แจ้งอารมณ์ที่ปรากฏ เพราะฉะนั้น แข็ง เราอาจจะคาดคะเนไม่ถูกว่า แข็งระดับไหน ถ้าไม่มีการกระทบสัมผัส ถ้าจิตไม่เกิดขึ้นรู้ลักษณะแข็งนั้นจริงๆ จะไม่รู้ว่าแข็งนั้น มีความแข็งมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้น ก็ให้ทราบว่า กายวิญญาณก็เป็นจิต ที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้ง เมื่อแข็งเป็นอารมณ์ แข็งกำลังปรากฏ ลักษณะของแข็งนั้น จะแข็งแค่ไหนก็ตามแต่ จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น เราอาจจะถามคนอื่นว่า แข็งไหม เขาตอบว่า แข็ง แต่ถ้าถามว่า แข็งเป็นอะไร เขาไม่รู้ ที่จะรู้ว่าเป็นธรรม เขาไม่รู้ แต่ว่าสามารถจะรู้ได้เพียงว่า ลักษณะนั้นแข็ง เมื่อใครๆ ที่มีกายปสาท มีสิ่งที่กระทบแล้ว จิตซึ่งรู้สิ่งที่กระทบ เกิดขึ้น ก็มีร้อนบ้าง แข็งบ้างเป็นธรรมดา ไม่ใช่เป็นปัญญาที่เห็นถูกว่า เป็นสภาพธรรมหนึ่ง ในสภาพธรรมที่ปรากฏแต่ละทาง ทุกวันๆ ที่มีสภาพธรรมที่ปรากฏ เป็นธรรมแต่ละทางจริงๆ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นธรรมที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่ธรรมที่ปรากฏทางหู เพราะฉะนั้น เวลาที่มีเสียงปรากฏ ก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม รู้แต่เพียงว่า อ่อน หรือแข็ง สีอะไร เสียงอะไร แต่ไม่รู้เลยว่า เป็นธรรม นี่เป็นความต่างกันนะคะ ของจิตซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธาน ในการรู้แจ้งลักษณะของอารมณ์ และปัญญาที่มีความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 31 ธ.ค. 2553

เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม รู้แต่เพียงว่าอ่อน หรือแข็ง สีอะไร เสียงอะไร แต่ไม่รู้เลยว่า เป็นธรรม นี่เป็นความต่างกันนะคะของจิต ซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งลักษณะของอารมณ์ และปัญญาที่มีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 31 ธ.ค. 2553

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pamali
วันที่ 31 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
choonj
วันที่ 1 ม.ค. 2554

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งนั้น มีขึ้นมาได้ด้วยการประกอบขึ้นของมหาภูตรูป และมหาภูตรูปก็มี ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ดินเป็นธาตุดิน มีลักษณะอ่อนหรือแข็งเป็นรูป และทั่วตัวเราก็ประกอบด้วยกายประสาท ซึ่งก็เป็นรูป เด็กเมื่อกระทบแข็ง ก็คือมีการประชุมกันระหว่าง ธาตุดินและกายประสาทที่เป็นรูปทั้งคู่ เป็นปัจจัยให้วิญญาณ คือจิตเกิด จิตเป็นธาตุรู้ เมื่อเกิด การรู้แข็งจึงมีได้คือ จิตรู้แข็ง เมื่อมีการเข้าใจของจิตรู้แข็ง ก็จะเป็นปัจจัยให้สติระลึกธรรมนี้ เป็นโอกาสให้ปัญญาได้ศึกษา ปัญญาก็เป็นธาตุรู้คือ เจตสิกรู้ สามารถเข้าใจสภาพธรรมทุกอย่าง คือ ปัญญารู้แข็ง ปัญญาสามารถรู้ได้ด้วยว่า การรู้ในลักษณะนี้ เป็นธรรมอย่างหนึ่ง จึงเป็นการรู้ว่า เป็นธรรม ต่างกับการที่พูดบ่นไปว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ เป็นการรู้ธรรมทางกาย เป็นเช่นเดียวกันกับทวารอื่น ทาง ตา หู จมูก ลิ้น ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
bsomsuda
วันที่ 1 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aurasa
วันที่ 2 ม.ค. 2554

อนุโมทนาค่ะ ที่ช่วยเตือนสติย้ำปัญญาอีกครั้ง

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 2 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 3 ม.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผิน
วันที่ 4 ม.ค. 2554
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สมศรี
วันที่ 5 ม.ค. 2554
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Nongnuch
วันที่ 6 ม.ค. 2554

Anumotana ka.

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jipoam
วันที่ 9 ม.ค. 2554

ยอดเยี่ยมครับ เป็นบทความดีมากๆ ครับ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เซจาน้อย
วันที่ 9 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
jadesri
วันที่ 26 ม.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Nongnuch
วันที่ 8 มี.ค. 2556

Adumotana ka

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ