กำลังใจ

 
เมตตา
วันที่  18 ม.ค. 2554
หมายเลข  17742
อ่าน  1,561

ใจ คือ จิต กำลังใจก็คือ กำลังของจิต สุดแต่ว่าจะเป็นกำลังของจิตฝ่ายดีคือ กุศล จิต หรือกำลังของจิตฝ่ายเลวคือ อกุศลจิต กำลังที่เป็นฝ่ายอกุศลคือ อหิริกะ หมาย ความถึงความไม่ละอายต่ออกุศลและ อโนตตัปปะ ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศลทั้งหลาย ซึ่งเป็นกำลังที่มีโทษ ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ ทั้งสิ้น ส่วนกำลังที่จะเป็นที่พึ่งที่เป็น ประโยชน์อย่างแท้จริงคือ กำลังของกุศล ซึ่งให้ผลเป็นความสุข กำลังของความดีที่ จะทำให้จิตใจเข้มแข็งฟันฝ่าคลื่นของอกุศลได้คือ หิริ ซึ่งมีความละอายต่ออกุศล และ โอตตัปปะ ซึ่งมีความเกรงกลัวต่ออกุศล ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ (สัมมาสมาธิ) และ ปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) จะเห็นได้ว่า ในชีวิตประจำวันทางฝ่ายอกุศลมีกำลัง มาก พอเห็น ก็สนใจสิ่งที่ปรากฏ ตลอดชีวิตก็ไม่พ้นไปจากการเห็น การได้ยิน ... และ คิดนึก แต่ไม่เคยรู้เลยว่า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และกระทบสัมผัสนั้นเป็นผลของกรรม มีเหตุปัจจัยให้ได้รับผลของกรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แม้ขณะคิดก็เช่น เดียวกัน ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ แต่เป็นจิตที่เกิดเพราะผลของกรรม มีเจตสิก เกิดร่วมด้วยเพียง ๗ ประเภทเท่านั้น ยังไม่มีกำลังเช่นเดียวกับ ขณะที่จิตประกอบด้วย อหิริกะ อโนตตัปปะ ซึ่งทำให้จิตมีกำลังทางฝ่ายไม่ดี

หนทางเดียวที่จะค่อยๆ เพิ่มกำลังใจให้เข้มแข็ง คือ การฟังพระธรรม อบรมเจริญ ปัญญา ดังคำที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวไว้ว่า "ฟังพระธรรมให้เข้าใจขึ้น แล้วจะเห็นกำลังของปัญญา"

ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pratin
วันที่ 18 ม.ค. 2554

อนุโมทนาครับ ได้เข้าใจกำลังใจมากขึ้นอีก

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 18 ม.ค. 2554

"ฟังพระธรรมให้เข้าใจขึ้น แล้วจะเห็นกำลังของปัญญา"

เป็นประโยคที่ควรจำฝังใจที่ดีมากๆ เลยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณเมตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Maeying
วันที่ 18 ม.ค. 2554

การฟังพระธรรมเป็นการเพิ่มกำลังใจให้เข้มแข็ง

....ขอบคุณค่ะพี่เมตตา...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 18 ม.ค. 2554

เรียน ความคิดเห็นที่ 5

ทุกคนที่เกิดมาล้วนเป็นคนโง่ ด้วยกันทั้งนั้น มีแต่อวิชชา คือ ความไม่รู้ มีแต่ ความมืดบอด ขอให้กำลังใจ พระธรรมนั้นลุ่มลึก ยากที่จะรู้ ยากที่จะเห็นได้ มิเช่นนั้นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คงไม่ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขย แสนกัปป์ เพื่อตรัสรู้ความจริง เพราะฉะนั้นมีหนทางเดียวเท่านั้น ก็คือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพื่อละความไม่รู้ หมั่นฟังพระธรรมบ่อยๆ พิจารณาไตร่ตรองตามที่ได้ฟัง ท่านอาจารย์ พร่ำสอนเสมอว่า อย่าขาดการฟัง พระธรรมนั้นยาก ลึกซึ้ง ละเอียด ไม่ต้องรีบเร่งที่ จะรู้จะเข้าใจเร็วๆ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ อดทนที่จะฟังพระธรรมต่อไปนะคะ ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจทีละนิดๆ ค่อยๆ ละความ ไม่รู้

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 18 ม.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 18 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาด้วยครับ

เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
คุณ
วันที่ 19 ม.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ