เพิกอิริยาบถ [ตอน ๒...จนกว่าจะชิน จนกว่าจะรู้ชัด] จบ
อิริยาบถ หมายความถึง อาการของรูปที่ประชุมรวมกัน ที่ทรงอยู่ ตั้งอยู่ในอาการต่างๆ กัน เช่น นั่ง ยืน เดิน นอน
ท่านอาจารย์สุจินต์ เพียรพร่ำสอนอยู่เสมอว่า ให้เป็นผู้ละเอียด ไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบในเหตุและผล จึงจะได้สาระจากพระธรรม มิเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์เสียเวลา ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นผู้เห็นผิด ประพฤติปฏิบัติผิด ก็จะเป็นโทษอย่างมาก เมื่อมีความเข้าใจใน ลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่าง ควรน้อมประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วยการระลึกศึกษาลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่าง จนกว่าจะชิน จนกว่าจะรู้ชัดสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละทาง ขณะนี้ กำลังนั่ง มี "แข็ง" จำว่าที่เท้ามีแข็ง จำผิดว่า แข็ง มีที่เท้า ที่แขน ที่มือ ... ตราบใดที่ยังจำได้ว่า ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ยังเพิกอิริยาบถไม่ได้ แต่ถ้ารู้สภาพธรรมแต่ละอย่างจริงๆ ก็จะเพิกอิริยาบถได้
ท่านอาจารย์ให้ข้อคิดว่า ... ขณะที่ "สี" กระทบ จักขุปสาท จิตเห็นจึงเกิดขึ้นเห็น ท่านอาจารย์ถามว่า จักขุปสาท นั่ง หรือ นอน?
ขอบคุณมากค่ะ ได้ฟังท่านอาจารย์แล้วมาอ่านซ้ำอีกทีเป็นการทบทวน เพราะบางทีฟังแล้วยังไม่เข้าใจย้อนไม่ได้ อ่านแล้วไม่เข้าใจยังย้อนไปอ่านซ้ำได้
ขอบพระคุณค่ะ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 17756 ความคิดเห็นที่ 6 โดย ไตรสรณคมน์
^ คำว่า "ไม่รู้" หมายถึง ยังไงขอรับกระผม ชักงง ช่วยขยายความหมายแก่ผู้ไม่รู้
เช่นตัวกระผมหน่อยขอรับ __/l__ ขอบพระคุณที่เมตตาขอรับทำไม เพราะ ไม่รู้ จึงเกิดมีอิริยาบถได้ แล้วถ้ารู้ จะไม่เกิดอิริยาบถขึ้นมางั้นหรือ? แสดงว่าสภาวะ รู้/ไม่รู้ ในที่นี้ต้องเป็นเหตุให้เกี่ยวเนื่องอะไรกับสภาวะอิริยาบถแน่ๆ (-.-') งง
ที่กล่าวว่า "ไม่รู้" คือ ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงค่ะ อิริยาบถเป็นเพียงอาการเคลื่อนไหวไปมาของรูปอันเกิดจากธาตุลม ถ้าไม่มีธาตุลม .... อิริยาบถจะมีไม่ได้
อิริยาบถจึงไม่ใช่รูปปรมัตถ์ เพราะไม่มีลักษณะที่ทรงไว้ซึ่งสภาวะ ของตน แต่เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของจิต (จิตตชวาโยธาตุ) ค่ะ