ปิดทองหลังพระ

 
ไตรสรณคมน์
วันที่  21 ม.ค. 2554
หมายเลข  17769
อ่าน  8,375

ท่านเคยท้อแท้เบื่อหน่ายในการทำความดีกันบ้างใหม่ค่ะ เช่น

ทำดีแล้วไม่ได้ดี

ทำดีแล้วไม่มีใครเห็น

ทำคุณบูชาโทษ เป็นต้น

หากทำดีโดยไม่ "ติด" ดี

ไม่ "หวัง" ดี

เพราะดีคือดี .... ต้องได้ดีแน่นอน

ลองอ่านเรื่องราวต่อไปนี้ดูนะคะ

พ่อหลวง ทรงสอนด้วยวิธีง่ายๆ ให้เราทำความดีต่อไปโดยไม่ท้อถอยและไม่หวังค่ะ ในคืนวันหนึ่งของปี พ.ศ. ๒๕๑๐ (ยศในขณะนั้นพันตำรวจโท) หลังจากได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว ในวังไกลกังวล .... ผมจำได้ว่า คืนนั้นผู้ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระจิตรลดา เป็นนายตำรวจ 8 นาย และนายทหารเรือ 1 นาย พระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์ ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ชุดลำลอง ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา ภายหลัง เมื่อมีโอกาสกราบบังคมทูลถาม จึงได้ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระเครื่ององค์นั้น ด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่างๆ ทั่วประเทศ ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายในโอกาสต่างๆ และเส้นพระเจ้า (เส้นผม) ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึดแล้ว จึงทรงกดลงในพิมพ์ (อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้แกะถวาย) โดยไม่ได้เอาเข้าเตาเผา หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า..... ”พระที่ให้ไปน่ะ ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น”

พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว ผมเอาพระเครื่องพระราชทานไปปิดทองที่หลังพระแล้ว ก็ซื้อกรอบใส่ หลังจากนั้นมา สมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินองค์นั้น ก็เป็นพระเครื่องเพียงองค์เดียวที่ห้อยคอผม หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาท

ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯ ที่วังไกลกังวลอีก ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้พระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก และเผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งจนแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฎว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง

พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า “จะเอาอะไร?”และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระบรมราชานุญาต ปิดทองบนหน้าพระ ที่ได้รับพระราชทานไป พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ

ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย

พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวจ (ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า "ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง" ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

จากบันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 ม.ค. 2554
การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้ว คนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระ จะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ . . พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๐๖
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 ม.ค. 2554

ข้อความในพระมหาชนกชาดกมีว่า ....

นางมณีเมขลา "ใครหนอว่ายน้ำอยู่ได้ถึง ๗ วัน ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นฝั่ง ก็จะทนว่ายไปทำไม"

พระมหาชนก ความเพียรย่อมมีประโยชน์ แม้จะมองไม่เห็นฝั่งเราก็จะว่ายไปจนกว่าจะถึงฝั่งเข้าสักวัน"

นางมณีเมขลา "มหาสมุทรนี้กว้างใหญ่นัก ท่านจะพยายามว่ายสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันถึงฝั่ง ท่านคงจะตายซะก่อนเป็นแน่"

พระมหาชนก "คนที่ทำความเพียรนั้นแม้จะต้องตายไป ในขณะที่กำลังกระทำความเพียรพยายามอยู่ ก็จะไม่มีผู้ใดมาตำหนิติเตียนได้เพราะได้ทำหน้าที่เต็มกำลังแล้ว"

นางมณีเมขลา "การทำความพยายามโดยมองไม่เห็นทางบรรลุเป้าหมายนั้น มีแต่ความยากลำบาก อาจจะถึงตายได้ จะต้องเพียรพยายามไปทำไมกัน"

พระมหาชนก "แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังกระทำนั้นไม่อาจสำเร็จก็ตาม ถ้าไม่เพียรพยายาม แต่กลับหมดความเพียรเสีย ย่อมได้รับผลร้ายของความเกียจคร้านอย่างแน่นอน ย่อมไม่มีวันบรรลุถึงจุดหมายที่ต้องการบุคคลควรมีความเพียรพยายาม แม้การนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม เพราะเรามีความพยายาม ไม่ละความตั้งใจ เราจึงมีชีวิตอยู่ได้ในทะเลนี้ เมื่อคนอื่นตายกันไปหมดแล้ว เราจะพยายามจนสุดกำลัง เพื่อไปถึงฝั่งให้จนได้"

เพียรทำความดี "ปิดทองหลังพระ" กันต่อไปนะคะ (-_-"

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wirat.k
วันที่ 23 ม.ค. 2554
ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ม.ค. 2554

ขอบคุณค่ะและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ม.ค. 2554
ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 23 ม.ค. 2554

ในชีวิตประจำวันอกุศลจิตเกิดเกือบทั้งวัน กุศลกระทำได้ยากจริงๆ เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรประมาท กุศลแม้เล็กๆ น้อยๆ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 24 ม.ค. 2554
"ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว…." ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 24 ม.ค. 2554

ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง ผู้ที่ปิดทองหลังพระคงจะมีกำลังใจปิดต่อไป คะ

..ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
choonj
วันที่ 24 ม.ค. 2554

อนุโมทนา แต่คงไม่ปฏิเสธถ้าไม่ใช่มหาบุรุษ ปิดทองหลังพระให้ล้นมาหน้าพระอาจตายก่อน เช่นเดียวกับว่ายน้ำไปโดยไม่เห็นฝั่ง ในธรรม เป็นการทำงานของสังขารขันธ์ ที่เป็นผู้ปิดทองและเพียรว่ายน้ำ ก็ต้องตายก่อน แต่ก็เกิดใหม่แล้วก็ปิดต่อและว่ายต่อ ....ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ม.ค. 2554

ตายในขณะที่เพียรทำความดี ย่อมดีกว่ามีชีวิตอยู่โดยไร้จุดหมายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pirmsombat
วันที่ 24 ม.ค. 2554

ขอบคุณและอนุโมทนาคุณหน่องอย่างสูง

คุณโพสต์เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ได้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม คุณเองก็เช่นกัน "ทองทีปิดหลังพระ ล้นมาถึงข้างหน้า" แล้วเหมือนกัน คุณมีทานุปานิสสัย มีศรัทธา มีปัญญา มีวิริยะ และคุณความดีอื่นๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 24 ม.ค. 2554

แม้ทอง ไม่มีปิด แต่ชีวิต ทำดีได้ สะสม ดีเรื่อยไป จนกว่าได้ หมดดี เอย....

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณไตรสรณคมน์ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ม.ค. 2554

^

^

เอ่อ....ลืมไปอะค่ะว่า ตอนนี้ทองแพง!

ป.ล. คุณหมอเพิ่มค่ะ คำชมเนี่ยทำให้อกุศลจิตเกิดได้ไม่แพ้คำติเตียนเลยนะคะ เพียงแต่เป็นอกุศลคนละขั้ว ถ้าไม่มีปัญญาแล้วน่ากลัวพอกันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
choonj
วันที่ 25 ม.ค. 2554

ความหมายคือ ผู้ที่ทำความดีอยู่เพ่งอยู่เจริญอยู่ คนอื่นย่อมไม่รู้ เหมื่อนปิดทองหลังพระ ผู้เพ่งอยู่เจริญอยู่ย่อมเพียรอยู่ เหมื่อนว่ายน้ำอยู่ ส่วยตวามตายนั้นเป็นสมมติ คงไม่คิดว่าเป็นการติเตียนนะครับ....ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chaiyut
วันที่ 25 ม.ค. 2554

ขอให้ทุกๆ ท่านที่ได้เข้าใจธรรม และมีคุณธรรมเพิ่มขึ้น เป็นผู้ที่มีความเพียร ไม่ท้อถอยปิดทองหลังพระ ไปจนกว่าจะถึงกาลแห่งการดับขันธปรินิพพาน ....จิรกาลภาวนานะครับ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
oom
วันที่ 26 ม.ค. 2554

การปิดทองหลังพระ ก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ เพราะคนเรายังมีกิเลส ยังติดอยู่ในโลกธรรม 8 เมื่อทำดี ก็ต้องการคำสรรเสริญ เยินยอเป็นของธรรมดา ถ้าเรามีสติระลึกรู้ ก็คงไม่ทุกข์เพราะทำดี คนอื่นจะรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร ตัวเราเองย่อมรู้ดี เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ถ้าเราขาดสติ อกุศลก็เข้า ทำให้เราทุกข์ เพราะคิดว่าทำดี แล้วไม่มีใครเห็น จริงๆ แล้วทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ แล้วแต่เหตุ ปัจจัย ถ้าเราไม่ยึดมั่น ถือมั่นก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างมีเพราะคิดนึก

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
bsomsuda
วันที่ 26 ม.ค. 2554

"แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังกระทำนั้นไม่อาจสำเร็จก็ตาม ถ้าไม่เพียรพยายาม แต่กลับหมดความเพียรเสีย ย่อมได้รับผลร้ายของความเกียจคร้านอย่างแน่นอน ย่อมไม่มีวันบรรลุถึงจุดหมายที่ต้องการ บุคคลควรมีความเพียรพยายาม แม้การนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
pornchai.s
วันที่ 27 ม.ค. 2554

อนุโมทนากับคุณหน่อง (ไตรสรณคมน์) ครับ

ผมได้แบ่งปันบนเฟซบุคแล้ว

( * _^)

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
jipoam
วันที่ 6 ก.พ. 2554

สาธุ สาธุ ประเทศไทยมีบุญแท้ มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ ประเสริฐ ยิ่ง เป็นบุญของไทยเราจริงๆ สาธุ สาธุ ..__/l___ วอนขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดปกป้องคุ้มครองพระองค์ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ปราศจากเหล่ามารเบียดเบียนด้วยเถิดดด...สาธุ สาธุจากคนคนหนึ่งที่กินข้าวประเทศนี้และได้เป็นผู้อาศัยอยู่ใต้ร่มเงา พระบารมีของพระองค์ท่านเสมอมา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 7 ก.พ. 2554
อนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ