อกหัก กินข้าวไม่ลง

 
day
วันที่  8 ส.ค. 2549
หมายเลข  1791
อ่าน  11,362

มีอาการอกหักแล้ว มันทำให้ทั้งเศร้า ทั้งซึม ควรทำอย่างไร เพื่อช่วยให้ใจมันเบาลง

ขอท่านช่วยอธิบาย การเกิดแบบธรรมมะ มันโยงกันอย่างไร ใจซึม กินก็ไม่ลง นอนก็ไม่หลับ ต้องใช้เวลาในการลืม หรือเข้าใจการเกิดนี้อย่างไร ช่วยให้ไม่โกรธ หรือโกรธน้อยลงๆ จนอภัยได้ ใจนี้เจ็บจนทำอะไรไม่ใคร่ถูก ขาดความมั่นใจไปเลย

ขอบคุณนะคะ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Guest
วันที่ 8 ส.ค. 2549

รักเท่าไรก็ทุกข์เท่านั้นแหละค่ะ แต่ไม่มีใครห้ามความรักไม่ให้เกิดขึ้นได้ ปุถุชน คือผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลสเช่นเราทั้งหลายจึงทุกข์เพราะอกหักบ้าง ทุกข์เพราะอดอยากยากจนบ้าง ทุกข์เพราะอยากได้ลาภบ้าง ยศบ้าง เพราะไม่รู้จักธรรมะตามที่เป็นจริง จึงไม่มีปัญญาที่จะพ้นจากทุกข์ อกหักยังดีกว่าประสบอุบัติเหตุ พิการ จริงไหม? อกหักก็ยังดีกว่าอยู่ท่ามกลางสงครามจริงไหม? ถ้าให้เลือกว่าจะอกหักหรือจะต้องอยู่ในประเทศอิสราเอลตอนนี้ จะเลือกอะไร? ดูๆ แล้วหนูไม่ได้ทุกข์กายเลย แต่ทุกข์ใจ เพราะถูกกิเลสของตัวเองคือ โลภะ ซึ่งเป็นสภาพที่ติดข้อง พอใจสิ่งต่างๆ เช่นติดข้อง ในคนรักแล้วไม่สมหวังจึงทุกข์ เพราะรักตัวเองไม่อยากให้ตัวเองผิดหวัง อยากให้ตัวเองมีแต่ความสุข และทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวัง ไม่มีใครได้อะไรเพียงการหวัง แต่ทุกอย่างเกิดจากเหตุ การที่คนจะสมหวัง การที่คนจะผิดหวัง ก็ล้วนเป็นผลของกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมในอดีต

ดังนั้น อย่าเสียเวลาเป็นทุกข์เลย การที่โดนเขาหักอกก็เพราะคงเคยหักอกใครมาในอดีต ได้เวลาที่กรรมเก่าให้ผลแล้วใครจะช่วยอะไรได้ แล้วจะเสียเวลาโกรธคนที่ทำให้เราอกหักทำไม ความโกรธไม่เคยทำให้ใครสบายใจ เพราะความโกรธเป็นกิเลส เป็นอกุศล เป็นไฟที่เผาใจให้ทุรนทุราย โลภะ หรือความติดข้องพอใจก็เช่นกัน เป็นไฟที่ทำให้จิตใจร้อนรุ่ม ใครจะทำลายกิเลสเหล่านี้ได้ ไม่มีใครทำลายโลภะหรือโทสะได้ เว้นปัญญาซึ่งเกิดจากความเข้าใจธรรมะ

แต่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนะคะ ทางที่ดี ตอนนี้ก็ให้อภัยเขาไปเลยจะดีกว่า ผูกโกรธหรือน้อยใจก็ทำร้ายตัวเองเปล่า คนอื่นเขาทุกข์เพราะลำบากไม่มีจะกิน อย่างนั้นมันค่อยสมควรที่จะทุกข์หน่อย แต่ที่ทุกข์เพราะรักนี่มันช่วยได้ยากเต็มที แต่จะทู่ซี้รักไปทำไมในเมื่อเขาไม่รักเรา ไม่นานก็ต้องตายกันแล้ว จะอยู่อีกกี่ปี จะมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์เพราะอกหัก มันเสียชาติเกิดนะคะ ต้องเอาเวลาที่มีอยู่สนใจศึกษาธรรมะเพื่อคลายความเห็นผิดจะดีกว่า

อยากให้ลองพิจารณาดูว่า เราติดข้องพอใจเพียงหนังกำพร้าที่ห่อหุ้มสิ่งปฏิกูลซึ่งมีอยู่ภายในกายของแต่ละคน ใช่หรือไม่? เพราะเราไม่เห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง

ลองพิจารณาดูเครื่องในของคนที่คิดว่ารักนักรักหนาสิคะ น่าดูไหมคะ? น่าชมไหมคะ? หอมไหมคะ พวกดี เสลด เครื่องในต่างๆ ไม่ว่าลำไส้น้อย ลำไส้ใหญ่ ม้าม กระเพาะ นี่น่ะ ของจริงคืออย่างนี้ ถ้าอ่านถึงตอนนี้แล้วยังรักหนังกำพร้าอยู่ ยังเลิกรักไม่ได้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 8 ส.ค. 2549

ให้ (ความรัก) แล้วหวังผล เมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง จึงทุกข์ เป็นธรรมดา ให้ด้วยใจจริงโดยไม่หวัง สุขยิ่งกว่า แล้วก็รู้ว่าที่ทุกข์เพราะหวังว่าให้แล้วจะได้ ที่แท้ก็หาใช่ความรักที่แท้ไม่ เพราะไม่ได้อย่างที่หวังก็โกรธ เจ็บใจ? ตกลงว่าที่ว่ารักนั้น เพื่อใครกันแน่? แล้วมานั่งทุกข์เอง โทษใครดี? คิดได้หายทุกข์ เช่นนั้นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Guest
วันที่ 8 ส.ค. 2549

ความรักที่ดีที่สุดคือรักแบบหวังดี หรือมีเมตตาต่อกัน อันนี้เป็นความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนเป็นความรักที่ปรารถนาจะให้ ไม่ใช่จะเอา ความรักแบบนี้ดีแน่นอน และไม่นำทุกข์มาให้ด้วยค่ะ

แต่หากรักแบบติดข้องต้องการได้มาครอบครองละก็ทุกข์แน่ๆ ถึงสมหวังก็ต้องทุกข์อยู่ดี เพราะไม่มีสิ่งใดตั้งอยู่นาน ทุกคนเกิดมาเพื่อจากกันในวันหนึ่งข้างหน้า ไม่จากเป็น (เพราะเหตุการบังคับ หรือไปมีคนอื่น) ก็จากตาย

ดีที่สุดคือไม่รัก จะได้ไม่ทุกข์ เปลี่ยนความรักเป็นเมตตาคือ ปรารถนาดีต่อกันโดยไม่หวังผลตอบแทนค่ะ จบจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tanya
วันที่ 8 ส.ค. 2549

ในสังคมปัจจุบันนี้ มีคนพบกับความรักและผิดหวังกับความรักเยอะแยะ เป็นเพราะการพบปะติดต่อกันง่ายขึ้นมาก ถึงกันง่าย ตรง และ ถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์มือถือ, เอสเอ็มเอส, คนมากขึ้น, การติดต่อมากขึ้น, สังคมเปิดกว้าง, พ่อแม่ดูแลลูกไม่ทัน, คนๆ หนึ่งสามารถติดต่อคบหากับคนอื่นได้คราวละหลายๆ คน การที่จะต้องมีคนบางคนไม่สมหวังในความรักก็มีเยอะขึ้น

รู้ไหมล่ะ ว่าพวกเขาใช้วิธีใดแก้ไขความเศร้าเสียใจ ผิดหวังในความรักกันบ้าง

อันดับที่ ๑ ได้ผลรวดเร็วทันใจ หายทุกข์ได้เลย แต่ผลลัพท์ภายหลังก็ต้องชดใช้คืนด้วยราคาสูงมาก หรืออาจต้องเสียคนไปตลอดชีวิตนั่นก็ คือการใช้ยาเสพติด

อันดับที่ ๒ ได้ผลรวดเร็วเช่นเดียวกัน หายทุกข์ได้ชั่วคราว แล้วก็ทุกข์อีกก็คือการกินเหล้า

อันดับที่ ๓ หาคู่ใหม่คนใหม่ แล้วก็เพลิดเพลินไปกับเรื่องเพศ แบบนี้ก็เสี่ยงกับการเสียผู้เสียคน กว่าจะเข้าที่ ก็หาทางกลับแทบไม่เจอ

อันดับที่ ๔ ออกเดินทางท่องเที่ยว ไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ เดินห้างทุกวันพบปะเยี่ยมญาติ แบบนี้ก็ช่วยได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย

อันดับที่ ๕ ตัดผม ซอยผมสั้น เปลี่ยนลุค ตัดใจ รับสภาพ ทำความดี ปลุกปลอบใจให้เข้มแข็งเข้าใจ และปลงเสียว่าเขาไม่ใช่คู่ของเรา ไปทำบุญ ฟังธรรมะ คุยกับเพื่อนมากๆ ระบายให้เขาฟังบ้าง ใช้เวลาหน่อยก็หายเจ็บ แล้วก็มีประโยชน์กับตนด้วย

ความผิดหวัง อกหัก รักคุด ใครไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นอกุศลจิตที่เกิดขึ้นเพราะกิเลสของเรานะ จะลืมมัน ถ้าไม่มีกิเลสใหม่มาแทนกิเลสเก่าก็ยังลืมไม่ได้หรอก อีตอนมีเรื่องใหม่มาแทน จะให้จำเรื่องเก่ามาเจ็บปวดอีก ก็ไม่มีทางหรอก จะรักมากรักน้อย อกหัก เสียเซลฟ์ หรือจะมีความสุขล้นเหลือ ร่ำรวยหลายพันล้าน ก็ไม่พ้นสังขารธรรมหรอก เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้ามีปัญญาก็คิดออกเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
saowanee.n
วันที่ 9 ส.ค. 2549

เป็นธรรมดาของโลกค่ะ มีสิ่งไหนก็ย่อมทุกข์เพราะสิ่งนั้น สุขที่แท้จริงจากสิ่งที่ไม่เที่ยง นั้นไม่มีเลย คุณ day อย่าเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับสิ่งเหล่านั้นเลยค่ะ

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า การแสวงหานั้นมี ๒ อย่างนะคะคือ ...

๑. การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ ได้แก่ บุตร ภรรยา สามี บริวาร ทรัพย์ เกียรติยศ ชื่อเสียง ฯลฯ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง นำมาซึ่งทุกข์ และ มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนๆ กับเรา

๒. การแสวงหาที่ประเสริฐ คือ การอบรมเจริญปัญญา เพื่อให้ถึงฝั่งคือ พระนิพพาน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถนำสัตว์ออกจากทุกข์ คือการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้

ชีวิตคู่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะคะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด แต่การมีชีวิตคู่ที่ดี คืออยู่ร่วมกันแล้วกุศลเจริญ ไม่ใช่อกุศลเจริญค่ะ

แล้วเข้ามาร่วมสนทนากันอีกนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
prakaimuk.k
วันที่ 9 ส.ค. 2549

ขอให้คุณ day ค่อยๆ อ่าน พิจารณาและคิดตามทุกตัวอักษรเลยนะคะ

ในข้อคิดทางธรรมะจากสหายธรรมได้ที่ตอบเข้ามา และลองสังเกตดูนะคะ ว่าขณะที่มีใจจดจ่อ คิดพิจารณาตามนั้น จิตก็จะสงบลงจากความเร่าร้อนลงได้บ้างชั่วขณะหนึ่ง แล้วประเดี๋ยวความทุกข์ใจก็จะกลับมาอีก ให้สังเกตเปรียบเทียบว่า ใจขณะใดเบาสบายกว่ากัน แค่นี้คุณก็จะลืมความทุกข์ใจไปได้เป็นระยะๆ เพราะกำลังสังเกตลักษณะจิต

จิตเกิดได้ทีละขณะเท่านั้นค่ะ จิตขณะใดสงบจากโลภ โกรธ หลง จิตขณะนั้นก็เป็นกุศล เบาสบาย.เมื่อกุศลเกิดได้บ่อยขึ้นก็จะเป็นกำลังให้ต่อสู่กับความทุกข์ใจทุกข์กายได้ค่ะ สามารถเป็นปัจจัยให้เกิดเมตตา และนำไปสู่การให้อภัยด้วยค่ะ ... และขอแนะนำให้คุณ day หมั่นฟังธรรมะที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้นะคะ แผ่นไหนก็ได้ค่ะ ขอให้ตั้งใจฟังจริงๆ ค่ะ จิตขณะฟังเป็นกุศล เป็นความดีงามค่ะ จะช่วยให้เข้าใจความเป็นจริงต่างๆ ของชีวิตได้ดีขึ้น เพราะ มีความเห็นถูกขึ้น ตรงขึ้น ช่วยให้ค่อยๆ ขัดเกลากิเลส และในที่สุดก็จะช่วยลดความทุกข์ใจของคุณได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chorswas.n
วันที่ 9 ส.ค. 2549

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

โรคสูตร - อัจจยสูตร

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
yupa
วันที่ 9 ส.ค. 2549

ดิฉันว่าดีนะ พอมีทุกข์เกิดขึ้น เราได้เรียนรู้ และ จะไม่ประมาทต่อไป มนุษย์ไม่เคยมีโอกาสเปลี่ยนแปลงวันเวลาเลย แต่วันเวลาเปลี่ยนแปลงมนุษย์ มากต่อมาก ฟังธรรมต่อไปเรื่อยๆ แล้ว คุณจะเข้าใจอะไรมากขึ้นด้วยปัญญาของคุณเอง เอาใจช่วยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
shumporn.t
วันที่ 9 ส.ค. 2549

หาเพื่อนดีไว้ คอยรับฟังเวลามีทุกข์ แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทุกปัญหามีเวลา และมีทางออกของมันเอง วันนี้ทุกข์มาก แต่เชื่อเถอะวันต่อๆ ไปจะลดลงไปตามลำดับ ไม่มีใครทุกข์และสุขได้ตลอด เป็นสัจจะธรรม ต้องมีทั้งทุกข์และสุข โลกธรรม ๘ คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ พระพุทธองค์ตรัสไว้ เป็นธรรมประจำโลก ไม่ผิดเลย บิดามารดาเลี้ยงเรามาด้วยความรัก คนอื่นไม่รักเราเพราะโง่ก็ชั่งเขา แต่ตัวเราเองต้องรู้จักรักตัวเอง หยุดทำร้ายตัวเองเสียเถอะ ไปกินข้าวได้แล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 9 ส.ค. 2549

อย่าปล่อยเวลาให้ว่าง หาสิ่งที่เป็นประโยชน์ทำ เช่น การศึกษาธรรมะ ช่วยเหลือสังคมไปเยี่ยมเด็กกำพร้าที่บ้านราชวิถี การทำความดีทุกอย่างในบุญ ๑๐ ประการ ทาน ศีล การอ่อนน้อม การฟังธรรม การอบรมจิตใจให้ผ่องใสด้วยปัญญา การให้ธรรมทาน การช่วยเหลือกิจการกุศล การอุทิศกุศล การอนุโมทนา เวลาเห็นคนอื่นทำความดี การเชื่อกรรมและผลของกรรม ก็ทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิตที่เหลือน้อย เพราะการทำความดีช่วยให้จิตใจสบายคลายความทุกข์ใจได้บ้างบางขณะ ไม่มีอะไรดีกว่าการสะสมความดีไว้ในภพหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
thepoco
วันที่ 9 ส.ค. 2549

ความทุกข์ และ ความสุข คือ แขกที่มีอิทธิพลต่อจิตใจเรามาก เราจงต้อนรับแขกทั้งสอง ที่ผลัดเปลื่ยนมาเยี่ยมเยือนเราทั้งสอง ให้ดีนะครับ เมื่อมีความทุกข์ก็จงอย่าคิดสั้นกับทุกข์นั้นๆ เมื่อเราสุข ก็อย่ามัวหลงระเริงกับความสุขนั้นๆ นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
saowanee.n
วันที่ 9 ส.ค. 2549

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

รักมีเท่าไรทุกข์ก็มีเท่านั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ทับทิม
วันที่ 9 ส.ค. 2549

คุณ Day คะ ทุกคำตอบในกระทู้นี้ ดีมากๆ เลยนะคะ คุณเด ลองหาเวลาแวะเข้าไปที่เว็บเสถียรธรรมสถานก็ดีเช่นกันค่ะ มีกรณีแบบคุณเด เต็มเลยจริงๆ ค่ะ มีทั้งที่หนักมากๆ กว่าคุณเด เยอะเลย อ่านดูแล้วจิตเราจะสงบได้มากขึ้นนะคะ จะเข้าใจเลยแบบที่คุณ annyamanee บอกว่า ถึงเวลาที่กรรมจะให้ผลเท่านั้นเอง

ลองคิดดูนะคะว่าคนมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นเราที่ต้องอกหัก เจ็บเจียนตายอย่างนี้ ก็เพราะต้องเป็นเราค่ะ แล้วมันก็จะผ่านไป ดิฉันก็กำลังให้มันผ่านไปเช่นกันค่ะ หรือลองพิจารณาดูอย่างประเทศแถบโซมาเลีย เรากลัวที่จะไปเกิดในที่แบบนั้นหรือไม่คะ ไม่มีจะกินนะคะ ประชาชนแห้งตาย แต่อัตราการเกิดยังมีตลอดเวลา ไม่เคยลดลงเลย หากเราไม่ทำกุศลให้เยอะๆ นะคะ เราก็ไม่แน่ว่าจะได้เกิดยังที่แบบนั้นหรือไม่ ดิฉันเองเริ่มกลัวการเกิดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Anutta
วันที่ 15 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาแด่กัลยาณมิตรทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
อิสระ
วันที่ 11 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Anutta
วันที่ 11 มิ.ย. 2550

นี่ก็ผ่านมานานแล้วคุณ day คงจะทานข้าวได้เยอะแล้วนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
พุทธรักษา
วันที่ 11 มิ.ย. 2550

ครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์สุจินต์เคยกล่าวว่า อยู่คนเดียว สบาย

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
พุทธรักษา
วันที่ 13 มิ.ย. 2550

เคยได้ยินว่า ความทุกข์ที่แท้จริงคือทุกข์กาย เช่น ป่วย อดอยาก ทุกข์ใจเพราะคิด

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ต.ค. 2550

ไม่กินข้าว เพราะ ๑. รักษาอุโบสถ ๒. โกรธ ๓. ทุกข์ ๔. ไม่มีข้าวกิน ก็กินไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
พุทธรักษา
วันที่ 16 ต.ค. 2550

กินมากเกินไปก็ไม่สบาย ทุกข์กาย ทุกข์ใจ.

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
oom
วันที่ 18 ต.ค. 2550

รักของบุคคลใดไม่มี บุคคลนั้นย่อมไม่ทุกข์ ถ้ายังมีรักอยู่ ก็ต้องเผื่อใจเตรียมความผิดหวังไว้บ้าง เพราะใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง คนที่เป็นสามีภรรยากันอยู่ด้วยกันมาจนมีลูกแล้ว ยังมีอันเลิกรากันได้เลย ของคุณแค่อกหักเอง คิดว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเรา ที่จะได้เลือกคนใหม่ที่ดีที่สุด แสดงว่าคนนี้ยังดีไม่พอสำหรับเรา เขาจึงจากเราไป

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
พุทธรักษา
วันที่ 19 ต.ค. 2550

นักปราชญ์ท่านว่า อดข้าวดอกนะเจ้า ชีวาวาย แต่ไม่ตาย เพราะอดเสน่หา

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
khampan.a
วันที่ 21 ต.ค. 2550

ผู้ที่ดับความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะได้คือพระอนาคามีบุคคล ส่วนผู้ที่จะดับโลภะได้โดยเด็ดขาดไม่เกิดอีกเลยนั้นต้องเป็นพระอรหันต์

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 21 เม.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ