อภิธรรมในชีวิต [29] โลภะ เป็นเหตุให้เกิด ทุกข์

 
พุทธรักษา
วันที่  27 ก.พ. 2554
หมายเลข  17953
อ่าน  1,245

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงว่า โลภะ เป็นเหตุให้เกิด ทุกข์ เมื่อเราต้องพลัดพรากจากบุคคลผู้เป็นที่รัก หรือ สูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักเรา ย่อมเป็นทุกข์ ถ้าเราติดชีวิตที่สะดวกสบาย ก็ย่อมจะเดือดร้อนเมื่อต้องประสบกับความทุกข์ยาก หรือ ประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็นไป ตามปรารถนา

ใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหาทุกขักขันธสูตร พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสกับพระภิกษุ เรื่อง "โทษของกามคุณ ๕" ว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นโทษของกามทั้งหลาย กุลบุตร ในโลกนี้ เลี้ยงชีวิตด้วยความขยัน ประกอบศิลปะอันใด ต้องตรากตรำต่อความหนาว ต้องตรากตรำต่อความร้อน งุ่นง่านอยู่ ด้วยสัมผัสแต่เหลือบ ยุง ลม แดด และ สัตว์เลื้อยคลาน ต้องตาย เพราะความหิวกระหาย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย

ดูกร ภิกษุทั้งหลายถ้าเมื่อกุลบุตร นั้น ขยัน สืบต่อ พยายามอยู่ อย่างนี้โภคะ เหล่านั้น ก็ไม่สำเร็จผลเขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือน ว่า ความขยันของเรา เป็นโมฆะ หนอความพยายามของเรา ไม่มีผล หนอ

ดูกร ภิกษุทั้งหลายแม้นี้ ก็เป็น โทษของกามทั้งหลายเกิด เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลาย ทั้งนั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลายอีกประการหนึ่ง มี กาม เป็น เหตุ แม้ พระราชาทั้งหลาย ก็วิวาทกัน กับพวกพระราชาแม้ พวกกษัตริย์ ก็วิวาทกัน กับกษัตริย์แม้ พวกพราหมณ์ ก็วิวาทกัน กับพวกพราหมณ์แม้ คฤหบดี ก็วิวาทกัน กับพวกคฤหบดีแม้ มารดา ก็วิวาทกับบุตร  แม้บุตร ก็วิวาทกับบิดาฯแม้ สหาย ก็วิวาทกับสหายชนเหล่านั้น ต่างถึงการทะเลาะ แก่งแย่ง วิวาทกัน ในที่นั้นๆ ทำร้ายซึ่งกันและกัน ด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยศาสตราบ้างถึงความตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตาย บ้าง

ดูกร ภิกษุทั้งหลายแม้นี้เล่า ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เกิดเพราะ เหตุแห่งกามทั้งหลาย ทั้งนั้น

ต่อจากนั้น มีข้อความ เรื่อง "โทษของกามคุณ ๕" และ "ผลร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" และ พระผู้มีพระภาคฯ ยังได้ทรงแสดง "คุณและโทษของรูป" ว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลายก็อะไรเล่า เป็น คุณของรูปทั้งหลาย

ดูกร ภิกษุทั้งหลายเหมือนอย่างว่า นางสาวเผ่ากษัตริย์ เผ่าพราหมณ์ หรือ เผ่าคฤหบดีมีอายุระบุได้ว่า ๑๕ ปี หรือ ๑๖ ปี ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ... 

ดูกร ภิกษุทั้งหลายในสมัยนั้น นางคนนั้น งดงามเปล่งปลั่ง เป็นอย่างยิ่ง ใช่หรือไม่เล่า

เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า

ดูกร ภิกษุทั้งหลายความสุข ความโสมนัส อันใดแล บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยความงามเปล่งปลั่งนี้ เป็น คุณของรูปทั้งหลาย

ดูกร ภิกษุทั้งหลายก็อะไรเล่า เป็น โทษของรูปทั้งหลาย

ดูกร ภิกษุทั้งหลายบุคคล พึงเห็นนางสาวคนนั้นแหละ ในโลกนี้โดยสมัยเมื่อมีอายุ ๘๐ ๙๐ หรือ ๑๐๐ ปี โดยกำเนิด เป็นยายแก่ มีซี่โครงคด ดังกลอนเรือน ร่างคด ถือไม้เท้ากระงกกระเงิ่น เดินไป กระสับกระส่าย ผ่านวัยเยาว์ไปแล้ว มีฟันหลุด ผมหงอก ผมโกร๋น  ศรีษะล้าน เนื้อเหี่ยว มีตัวตกกระ

ดูกร ภิกษุทั้งหลายอีกประการหนึ่ง บุคคล พึงเห็นนางสาวคนนั้นแหละ เป็นซากศพถูกทิ้งไว้ ในป่าช้า ตายได้ ๑ วันก็ดี ตายได้ ๒ วันก็ดี เป็นซากศพขึ้นพอง ก็ดี มีสีเขียว ก็ดี เกิดหนอนไช ก็ดี

ดูกร ภิกษุทั้งหลายพวกเธอ จะสำคัญข้อนั้นอย่างไร ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง ที่มีในก่อนนั้น หายไปแล้ว "โทษ" ปรากฏแล้ว มิใช่หรือ

เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า

ดูกร ภิกษุทั้งหลายแม้ข้อนี้เล่า ก็เป็น โทษของรูป ทั้งหลาย

ข้อความที่พระผู้มีพระภาค ตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายอาจจะรุนแรงสำหรับเรา แต่ เป็น "สัจจธรรม" เรารู้สึกว่ายากที่ยอมรับสภาพชีวิต ตามความเป็นจริงเกิด แก่ เจ็บ ตาย เราทนไม่ได้ ที่จะคิดว่า ร่างกายของเรา หรือ ร่างกายของคนที่เรารัก นั้น เป็นดัง "ซากศพ" เรายอมรับ เรื่องการเกิด แต่ไม่ค่อยอยากจะยอมรับ หลังการเกิด ซึ่งได้แก่ ความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย

เราไม่อยากรู้เห็น "สภาพที่ไม่เที่ยง ของสังขารธรรมทั้งหลาย" เวลาส่องกระจก และ ตบแต่งร่างกายเราก็อยากให้ร่างกาย "เป็นตัวตน-ที่ยั่งยืน" และ "เป็นของเรา" แต่ "ร่างกาย" ก็เป็นเพียง "รูปธาตุต่างๆ" ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ดับไปทันทีไม่มีสักอณูเดียว ของร่างกาย ที่ยั่งยืน


หนังสือ "พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน" [Abhidhamma in Daily Life] โดย นีน่า วันกอร์คอม แปลโดย อ. ดวงเดือน บารมีธรรม จัดพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดย มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

เปิดอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ...

พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 28 ก.พ. 2554

มีกาม เป็น เหตุ

แม้ พระราชา กษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี มารดา บิดา บุตร สหาย เหล่านั้น ต่างถึงการทะเลาะ แก่งแย่ง วิวาทกัน ในที่นั้นๆ ทำร้ายซึ่งกันและกัน ด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยศาสตราบ้างถึงความตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตาย บ้าง ช่างเป็นสัจจธรรมอันแท้จริงทุกยุคทุกสมัยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 

 

 

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wanchai2504
วันที่ 28 ก.พ. 2554

แต่ "ร่างกาย" ก็เป็นเพียง "รูปธาตุต่างๆ" ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ดับไปทันที ไม่มีสักอณูเดียว ของร่างกาย ที่ยั่งยืน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
intira2501
วันที่ 28 ก.พ. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ เมื่อได้เกิดมาแล้วเราก็นำความตายมาด้วยทุกขณะ อยากเกิดแต่ไม่อยากตายจะทำอย่างไรค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 2 มี.ค. 2554

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่อะไรเที่ยงแท้ที่ควรยึดมั่นถึอมั่นเลย

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ