อกุศลธรรมเกิดขึ้นทำกิจของอกุศลธรรมนั้นอยู่ตลอดเวลา (๑)
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ดร.ชินวุธ นอกจากนั้นแล้วสันดานของผม ภาษาบาลี ภาษาไทยว่าสันดานนี้ ขอโทษนะครับคือไม่ใช่คำหยาบ คือชอบ พูดแล้วเหมือนยกย่องตัวเอง ชอบทำประโยชน์แก่คนอื่น เพราะฉะนั้นผมมีความสุขมากถ้าผมได้สามารถไปพูดอะไร เล่าอะไร หรือรู้อะไร อธิบายอะไรอันนี้ชีวิตผมอยู่ตรงนี้อีกอันหนึ่ง พอผมได้ศึกษาอะไรมา ได้เข้าใจอะไรมาจากท่านอาจารย์ ผมก็เที่ยวไปบอกเขา อันนี้เป็นชีวิตของผมอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ และอันสุดท้าย ๓ อันนี้แย่จริงๆ เดรัจฉานแท้ๆ เลย ผมชอบความสนุกครับ บันเทิงครับ อะไรที่บันเทิงกับตัวเองและผู้อื่น โดยไม่ให้ไปกระทบกระเทือนใคร มีความสบายใจ ชอบที่สุด ในชีวิตผม ชอบอยู่ ๓ อย่างนี่แหละครับ ขัดเกลานี่กว้างนะครับ ผมขอพูดเพียงแค่นี้
ท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าชีวิตของท่านผู้อื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่ว่าทุกชีวิตก็คือ การเกิดขึ้นของปรมัตถธรรม สภาพธรรมคือ จิต เจตสิก รูป ซึ่งไม่มีใครจะสามารถยับยั้งได้เลย และ ถ้าสติเกิดจริงๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า กิเลส หรือ อกุศลธรรม เกิดขึ้นทำกิจของกิเลสและอกุศลธรรมนั้นๆ อยู่ตลอดเวลาที่วิบากจิตหรือกุศลจิตไม่เกิด
นี่จึงจะเป็นผู้ที่เห็นธรรมตามความเป็นจริง เห็นตัวเองชัด มีอะไรนอกจากกิเลส เกิดทำกิจการงานของกิเลส ตลอดเวลาที่ไม่ใช่วิบากและไม่ใช่กุศล เพราะว่าวิบากเป็นสี่งที่เกิดขึ้นทางตาเห็น ทางหู ทางกายกระทบสัมผัส หลังจากนั้นคืออะไร กิเลสเกิดขึ้นทำกิจการงานของกิเลสตลอดเวลา คิดดู นี่คือผู้รู้จักตนเองตามความเป็นจริง
ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นกิเลสระดับขั้นต่างๆ จริงๆ จะระลึกขณะใด จะเห็นกิเลสในขณะนั้น แม้แต่ความสนุกที่ว่านี้ ก็เป็นชีวิตจริงของทุกท่าน ซึ่งก็คือกิเลสเกิดขึ้นทำกิจการงานของกิเลสนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาทางโลก ก็คือกิเลสเกิดขึ้นทำกิจของกิเลส จะปรุงอาหารให้อร่อย กิเลสก็เกิดขึ้นทำกิจของกิเลส จะคิดนึกเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนุกสนาน กิเลสก็เกิดขึ้นทำกิจของกิเลส
ขณะใดที่เป็นกุศลเท่านั้น เช่นเป็นไปในทาน หรือศีล หรือความสงบของจิต หรือการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ซึ่งคั่นกิเลสในชีวิตประจำวันชั่วครั้ง ชั่วขณะ จะเห็นได้จริงๆ ค่ะ ว่า รู้ชัดในสภาพของธรรมแล้วก็จะเห็นแต่กำลังของกิเลส ซึ่งมีมากเหลือเกิน เมื่อเห็นกิเลสแล้วจึงเป็นผู้ที่กระทำกิจที่จะรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรม เพื่อที่จะละคลายกิเลส มิฉะนั้นแล้วไม่มีทางอื่น จะใช้หนทางอื่น วิธีอื่น ที่จะดับกิเลสเป็นไปไม่ได้เลย ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จนกระทั่งรู้ว่า หนทางเดียวที่จะดับกิเลสได้ คือปัญญาที่เจริญจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ โดยสภาพที่เป็น นามธรรมหรือเป็นรูปธรรม จึงไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน มิฉะนั้นแล้ว กิเลสก็จะมีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจการงานหน้าที่ของกิเลสอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน ตลอดวัน
(ยังมีต่อ)
ในชีวิตประจำวัน อกุศลธรรมเกิดขึ้นทำกิจของอกุศลธรรมนั้นอยู่ตลอดเวลาจริงๆ เพราะได้กระทำบุญไว้แต่ปางก่อน จึงได้มีโอกาสได้พบบัณฑิต ยอดกัลยาณมิตรอย่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ได้ให้ความเข้าใจความจริงของชีวิตตามความเป็นจริง
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอด้วยค่ะ...
ถ้าสติเกิดจริงๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า กิเลส หรือ อกุศลธรรม เกิดขึ้น ทำกิจของกิเลสและอกุศลธรรม นั้นๆ อยู่ตลอดเวลา ที่วิบากจิตหรือกุศลจิตไม่เกิด
ขออนุโมทนาค่ะ ....
ก็เพราะว่า ทุกสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาเป็นความจริง เป็นชีวิตจริง เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ไม่เสแสร้ง เมื่อผู้ฟังได้ฟังและพิจารณาตาม จึงเป็นประโยชน์ และ ประเสริฐยิ่ง
ขออนุโมนาค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาคุณเมตตาและทุกท่านครับ
"หนทางเดียวที่จะดับกิเลสได้ คือ ปัญญาที่เจริญจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง มิฉะนั้นแล้ว กิเลสก็จะมีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจการงานหน้าที่ ของกิเลสอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน ตลอดวัน"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ