โลกในวินัยของพระอริยเจ้า

 
kanchana.c
วันที่  13 มี.ค. 2554
หมายเลข  18027
อ่าน  2,187

เมื่อวานนี้ (๑๑ มี.ค. ๕๔) โชคดีได้มีโอกาสไปร่วมสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์

สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และสหายธรรมที่บ้านคุณโป๊ด โป๊ดแฮร์ครีเอชั่น สุขุมวิท ๑๐๗

ไปถึงแต่เช้า จึงมีโอกาสได้เดินชมรอบๆ บ้าน ซึ่งเป็นสวนกลางกรุง ร่มรื่นด้วยต้นไม้

ใหญ่หลายต้น มีต้นกัลปพฤกษ์ต้นใหญ่สูงท่วมบ้าน ออกดอกสีชมพูขาวเต็มทั้งต้น

เกือบไม่เห็นใบเลย มีต้นไทรใหญ่ ที่โคนต้นตบแต่งด้วยกอกล้วยไม้ที่ออกดอกเต็มไป

หมด แล้วยังมีน้ำพุในสระน้ำธรรมชาติข้างๆ บ้านอีก เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ก็ต้องตื่น

ตะลึงกับดอกไม้ที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงาม มีดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนกับสีส้มปักไว้ใน

แจกันรูปชามอ่างใบโต สวยจริงๆ จนต้องขอนั่งฟังธรรมใกล้ๆ จะได้ชื่นชมกับความงาม

ของดอกไม้สุดโปรดให้เต็มที่ แม้แต่ในห้องน้ำ ก็มีดอกกุหลาบเหลืองลอยอยู่เต็มโถใบ

โต ช่างสวยงามประณีตจริงๆ แสดงถึงกุศลจิตที่วิจิตรอย่างยิ่ง

เมื่อได้เวลาฟังธรรมในห้องที่เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศ มองผ่านกระจกออกไป

ด้านหลังท่านอาจารย์ เห็นกอเฟิร์น กล้วยไม้ดอกเล็กๆ โคนต้นไทรพริ้วไสวด้วยแรงลม

กระทบแสงแดดอ่อน มีผีเสื้อบินว่อน ช่างเป็นภาพที่สวยงาม มีความรู้สึกรื่นรมย์ราวกับที่

ใดสักแห่งหนึ่งที่เคยเห็น เคยอยู่ จะเป็นที่ไหนนะ นึกไม่ออก หรือจะเป็นที่ศาลาสุธัมมา?

ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน ก็สุดแสนพิเศษด้วยอาหารรสเลิศมากมาย ไม่น่าแปลก

ใจเลยว่า ทำไมคุณโป๊ดถึงเป็นช่างผมที่มีชื่อเสียง มีฐานะร่ำรวย เพราะคงสะสมกุศลจิต

ที่ประกอบด้วยความวิจิตรอย่างนี้มานานแล้ว

ได้ฟังธรรมที่ลึกซึ้งและจับใจจากท่านอาจารย์เช่นเคย และก็เช่นเคยอีกเหมือนกันที่

จะลืมไปอย่างรวดเร็ว จำได้แต่ดอกไม้สวยงามอย่างไร อาหารอะไรอร่อย เห็นสภาพ

ธรรมตามความเป็นจริงอีกเหมือนกันว่า สะสมโลภะหรือสะสมปัญญามามากกว่ากัน

กลับถึงบ้านในตอนเย็น เปิดทีวีดู ก็ได้เห็นภาพข่าวช็อคโลก เกิดแผ่นดินไหวขนาด

8.9 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่น และเกิดสึนามิขนาดใหญ่ถล่ม ได้เห็นภาพของคลื่นยักษ์ที่กวาดรถ

ยนต์ บ้านเรือน เรือขนาดใหญ่ ไปกองรวมกัน ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ

นึกถึงเวลาเที่ยงกว่าๆ ที่เกิดแผ่นดินไหวนั้น เรากำลังบริโภคอาหารรสอร่อยที่บ้าน

คุณโป๊ด โลกที่ปรากฏของเราเป็นโลกของรสที่ปรากฏทางลิ้น สีสันวัณณะต่างๆ ที่

ปรากฏทางตา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์ เสียงสนทนาธรรมอันทำให้บันเทิงใจนั้นปรากฏ

ทางหู และความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฏทั้งหลายนั้น ก็เป็นโลกของความคิดตามการ

สะสม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติของโลกแต่อย่างใด แต่เมื่อได้ทราบจากข่าวทีวี โลก

ทางตา โลกทางหูเปลี่ยนไป โลกความคิดก็เปลี่ยนไปด้วย โลกของแต่ละคนไม่เหมือน

กันเลย แต่ละคนต่างก็อยู่ในโลกของตัวเองจริงๆ และโลกแต่ละโลกนั้นก็ไม่ปะปนกันอยู่

ด้วย แต่ที่เรายังไม่สามารถประจักษ์แจ้งอย่างที่ท่านแสดงได้ เพราะยังไม่สามารถแยก

โลกแต่ละโลกเป็นโลกในวินัยของพระอริยเจ้า ๖ โลก คือ โลกทางตา ที่มีเพียงเห็นกับ

สิ่งที่ปรากฏทางตา โลกทางหู ที่มีได้ยินกับเสียง โลกทางจมูก ที่มีแต่การได้กลิ่นกับ

กลิ่น โลกทางลิ้น มีรสกับการลิ้มรส โลกทางกาย มีการกระทบสัมผัสกับเย็นหรือร้อน

อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว และโลกทางใจ ที่มีความคิดกับเรื่องราวต่างๆ

โลก ๖ ทางที่พระอริยเจ้าท่านรู้ว่า เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุ

ปัจจัย เกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จึงละ

ความติดข้องในโลก ๖ ทางนี้ได้ตามลำดับ แต่สำหรับเรา ติดข้องหมดทุกอย่าง เห็น

ดอกไม้สวยงาม ลิ้มรสอาหารอร่อย สัมผัสบรรยากาศน่ารื่นรมย์ที่บ้านคุณโป๊ด ก็ติดข้อง

จนกลับมาเขียนได้เป็นหน้า ได้ยินเรื่องแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ก็เกิดความเศร้าใจ ไม่อยาก

ให้เกิด สงสาร แล้วก็กลัวจะเกิดที่บ้านเมืองของเราบ้าง ลืมสิ่งที่ท่านอาจารย์พร่ำสอน

ซ้ำๆ บ่อยๆ เนืองๆ ว่า ทุกอย่างเป็นธรรม และแม้จะเพิ่งได้ยินได้ฟังในระหว่างสนทนา

ธรรมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมาแล้วก็ตาม ก็ยังไม่แว๊บขึ้นมาสะกิดใจสักนิดเลย

เห็นไหมว่า โลกของเรากับโลกของพระอริยเจ้านั้นช่างห่างไกลกันยิ่งกว่าฟ้ากับน้ำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prakaimuk.k
วันที่ 15 มี.ค. 2554

บทสนทนาธรรมของท่านอาจารย์ในวันนั้น เตือนใจเรื่อง "โลก" ได้ดีค่ะ

ขออนุโมทนากับสหายธรรมทุกๆ ท่านที่กรุณาแบ่งปันข้อธรรมะต่างๆ ....

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
orawan.c
วันที่ 15 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 15 มี.ค. 2554

ยากจริงๆ นะครับ

พอได้รับวิบากที่เป็นอิฏฐารมณ์ โลภะก็เกิด

พอได้รับวิบากที่เป็นอนิฏฐารมณ์ โทสะก็เกิด

คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องดับ สำหรับผมเพียงแค่ขอเข้าใจโลภะ โทสะ

มากขึ้นบ้างสักนิด ทุกวันๆ ก็พอครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงที่เตือนสติครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 มี.ค. 2554

ท่านอาจารย์ กล่าวที่บ้านคุณโป๊ดตอนหนึ่งว่า....

"...เพราะฉะนั้น "จิตหนึ่งขณะ" ที่เกิดขึ้น คือ...โลก....แต่ละ...โลก..."

และ

"...โลก...หนึ่งโลก....ซึ่ง..."เห็น"...แล้ว...."คิด"...แล้วก็..."จำ".....เรื่องราวต่างๆ

จนกระทั่ง ในความคิด ในความจำเนี่ย.....มีหลายคนในโลก

แต่ถ้าไม่มี "โลกหนึ่ง" ซึ่งเป็น "โลกคิด" อะไรๆ ก็มีไม่ได้....

ที่จะเป็นคน เป็นสัตว์ หลากหลาย ก็เป็นแต่เพียง สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น..."

กราบท่านอาจารย์

และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดงด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
homenumber5
วันที่ 15 มี.ค. 2554

เรียนท่านเจ้าของกระทู้และท่านผู้รู้ทุกท่าน ตามความเข้าใจของดิฉัน ๑.พระอริยะ ท่านสละโลก เข้าสู้โลกุตรแล้วแต่ ว่าท่านเป็นอริยะบุคคลประเภท ใดใน แปดบุคคล คือโสดาปัตติมัค โสดาปัตติผล สกทาคามิมัค สกทาคามิผล อนาคามีมัค อนาคามีผลและ อรหันตมัค อรหันตผล สำหรับกามาวจรบุคคล เช่น มนุษย์นี้ มีอายตนะ หก ที่อาจารย์กล่าวว่าเป็นโลก วึ่งดิฉันเข้าใจเช่นเดียวกันว่า การที่มนุษย์มี อายตนะหกนี้ จึงเกิดโลกตลอดเวลาเมื่อขณะจิตที่จักขุปสาททำงานก็เกิดโลกหนึ่งแล้ว ๒ หาก ความเข้าใจตามข้อ ๑ นี้ผิดถูกประการใด โปรด ชี้แนะด้วย ขออนุโมทนากับ ทุกท่านและท่านอ สุจินต์ในการสนทนาธรรม ที่ผ่านมาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 16 มี.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 5

โลกแสดงได้ตามความเข้าใจได้หลายนัย โลกในวินัยของพระอริยเจ้าคือสภาพธรรมที่

มีจริงที่มีอยู่ในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไปเป็นโลก พระอริยบุคคลเป็นผู้ยังอยู่ในโลกคือ

ยังมีขันธ์ 5 ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ แต่ประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมที่เหนือโลก

คือไม่เกิดดับนั่นคือนิพพานที่เป็นโลกุตตระ ตามที่คุณถามว่าพระอริยบุคคล 4 จำพวก

ท่านสละโลกอะไรนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า พระโสดาบันท่าน ท่านสละหรือข้าม

อบายโลก พระอนาคามี สละข้าม กามาวจรโลกได้ พระอรหันต์ สละข้าม รูปาวจรโลก

และอรูปาวจรโลกได้ ส่วนพระนิพพานก้าวล่วงทั้งหมดเพราะเป็นสภาพธรรมที่เหนือโลก

ไม่เกิดและดับเลย และอีกนัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงอยู่ในโลก บังเกิดในโลก (สภาพ

ธรรมที่เกิดดับ) แต่พระองค์ทรงอยู่เหนือโลก เพราะไม่ติดข้อง ไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลส

จึงเป็นผู้อยู่เหนือโลกนั่นเองครับ ขออนุโมทนาเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่...ก้าวล่วงโลก [ปฏิสัมภิทามรรค]

อยู่เหนือโลก [จตุกนิบาต] ว่าด้วยโลกุตรธรรม [ปฏิสัมภิทามรรค ]

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 16 มี.ค. 2554

ตอบดีมากค่ะ ขออนุโมทนา

พระอริยเจ้าท่านเห็นโลกทั้งหก ตามความเป็นจริง

แต่โลกของปุถุชน ยังเป็นตัวตน สัตว์ บุคคลอยู่ ยกเว้นในขณะที่สติปัฏฐานเกิดค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ