ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านคุณฟองจันทร์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ก็เป็นอีกวาระหนึ่ง เป็นอีกกาลครั้งหนึ่ง ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้รับเชิญให้ไปสนทนาธรรม ที่บ้านคุณฟองจันทร์ นันตา (พี่แอ๊ว) และ คุณไอแว่น วอลช ที่ซอยสุขุมวิท ๗๑ ปรีดีพนมยงค์ ๑๔
เป็นบ้านที่สวยงาม น่าอยู่ มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายนอกและภายในได้อย่างลงตัวดีมาก ทราบว่าคุณไอแว่น สามีของคุณฟองจันทร์ (พี่แอ๊ว) เป็นผู้ออกแบบก่อสร้างด้วยตัวเอง เมื่อได้เห็นการออกแบบการใช้สอยของพื้นที่ภายในบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกชอบ (ไปหมด) คุณไอแว่นออกแบบให้แต่ละห้อง ทั้งห้องรับแขก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องทำอาหาร มีการเชื่อมต่อเปิดโล่งหากันได้ ทำให้รู้สึกว่า ทุกคนที่อยู่ในบ้านได้อยู่ใกล้ๆ กัน ตลอดเวลา
บ้านสวยหลังนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ ถูกขอบันทึกภาพไปลงนิตยสารหลายเล่มด้วยกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ศิษย์ของท่านอาจารย์มากมายหลายท่าน เป็นผู้มีความสามารถมาก หลากหลายด้านจริงๆ ครับ พี่แอ๊วเองก็เป็นผู้ที่มีความสามารถในการจัดดอกไม้ และใช้ความสามารถนั้น เจริญกุศลจัดดอกไม้บูชาพระบรมสารีริกธาตุที่มูลนิธิฯ ได้อย่างงดงามทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และในวันสำคัญๆ ต่างๆ
ความสามารถทางศิลปทั้งหลายนั้น แสดงให้เห็นถึงความละเอียด ความใส่ใจ ความพิถีพิถัน แสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยที่ได้สั่งสมมาของบุคคล ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำที่ท่านอาจารย์กล่าวบ่อยๆ ว่า ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากพระธรรม ต้องศึกษาด้วยความละเอียด รอบคอบ ไม่เผิน และต้องเป็นผู้ตรง จึงจะได้สาระจากพระธรรม อุปนิสัยความละเอียด รอบคอบนี้ ย่อมทำให้บุคคลได้รับประโยชน์สูงสุดในชีวิต จากการฟังพระธรรมนั้นเอง จริงๆ ครับ
อีกประการหนึ่ง การไปสนทนาธรรมที่บ้านพี่แอ๊วครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเห็นถึงความศรัทธา ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความชื่นบานต่อกัน ความเอื้อเฟื้อ ความสามัคคี ที่ศิษย์ของท่านอาจารย์มีให้แก่กันและกัน หลายท่านนำอาหารทั้งคาวและหวานมาสมทบ เป็นอาหารที่ทำมาด้วยความตั้งใจ ประณีต บรรจง มากมายหลายชนิด และที่สำคัญ อร่อยทุกอย่าง จริงๆ ครับ
อีกทั้ง เมื่อนำมาแล้ว ก็มาช่วยกันจัด ช่วยกันเตรียม หูก็ฟังธรรมที่ท่านอาจารย์สนทนา มือก็จัดอาหารใส่จาน เป็นภาพที่น่าประทับใจ เพราะเป็นขณะที่เป็นไปกับกุศลโดยมาก ซึ่งข้าพเจ้าขอกราบอนุโมทนาทุกๆ ท่าน จากใจจริงๆ ครับ
บริษัทที่สามัคคีกัน เป็นอย่างไร? ในบริษัทใด ภิกษุทั้งหลาย พร้อมเพรียงกัน ชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน (กลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน) เป็นประหนึ่งว่านมประสมกับน้ำ มองดูกันและกันด้วยปิยจักษุ (คือ สายตาของคนที่รักใคร่กัน) บริษัทนี้เรียกว่า บริษัทที่สามัคคีกัน
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาตเล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 482 ปริสาสูตร
การสนทนาธรรมในวันนี้ ท่านอาจารย์ให้ความเมตตากับทุกคนมากครับ ท่านกล่าวว่า ขอให้เป็นการสนทนาแบบสบายๆ เป็นกันเอง ใครมีอะไรก็ให้ถามได้เลย ในคราวนี้ ข้าพเจ้าขอนำความการสนทนาบางตอนในช่วงบ่ายมาฝากทุกท่านบ้างนะครับ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
คุณคำปั่น กราบสวัสดี ท่านผู้ร่วมศึกษาธรรมะทุกท่านครับ กลับมาในภาคบ่ายของการสนทนาธรรมที่บ้านคุณฟองจันทร์ นันตา นะครับ ซึ่งก็เป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่ง ที่พวกเราจะได้มีโอกาส สอบถามปัญหาธรรมจากท่านอาจารย์ เพื่อความรู้ความเข้าใจธรรม ที่ถูกต้อง ตรง ยิ่งขึ้น เพราะว่า ขณะนี้ ทุกท่าน ก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว และ ขณะนี้ พระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็ยังดำรงอยู่ มีผู้ที่มีปัญญาแสดงธรรมอยู่ และสิ่งที่สำคัญ ที่ควรเป็นอย่างยิ่งก็คือ ขณะนี้ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญากันต่อไป นะครับ
... ก็จะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ เป็นประเด็นแรกเลยนะครับ เกี่ยวกับขณะนี้ ทุกคน ทุกท่านก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าเทียบส่วนกันแล้ว ระหว่างผู้ที่ได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม กับผู้ที่ไม่มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรมเลย เทียบส่วนกันไม่ได้เลย ก็อยากจะให้ท่านอาจารย์ ได้กล่าวถึง สาระสำคัญ หรือว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ อีกครั้งหนึ่งครับ ท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์ คุณคำปั่น ตอบได้แน่ๆ ค่ะ
คุณคำปั่น ครับ จริงๆ แล้วเป็นโอกาสที่ดีครับท่านอาจารย์ครับ เพราะว่า สาระสำคัญจริงๆ ของชีวิต ก็คือ ความรู้ ความเข้าใจพระธรรม เพราะว่า สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ สำหรับทุกชีวิต ไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินทอง ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่บุคคลรอบข้าง แต่ว่า สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ ที่จะติดตามไปในภพต่อๆ ไปก็คือ ความรู้ ความเข้าใจพระธรรม คือ "ปัญญา" รวมไปถึง กุศลธรรม ประการต่างๆ ด้วย
... เพราะเหตุว่า เมื่อมีปัญญา ซึ่งเป็นความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะเป็นเครื่องอุปการะ เกื้อกูล ให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้น ในชีวิตประจำวัน จริงอยู่ การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรสะสม สิ่งที่ควรมี ก็คือ ความรู้ ความเข้าใจพระธรรม คือ ปัญญา และ "ปัญญา" จะมาจากไหน? ถ้าหากว่าไม่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม
เพราะฉะนั้น การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง ก็เป็นปัจจัย ที่จะทำให้ความรู้ ความเข้าใจ ธรรม เพิ่มมากขึ้น ครับ ท่านอาจารย์ครับ
คุณอรวรรณ กราบท่านอาจารย์ แล้วก็สหายธรรมทุกท่านนะคะ ท่านอาจารย์คะ ในการศึกษาธรรมนี่ ต่อจากคุณคำปั่นที่บอกว่า ประโยชน์สูงสุดของความเป็นมนุษย์ ก็คือ การได้เข้าใจพระธรรม ทีนี้ ในการศึกษาหรือความเข้าใจพระธรรมนี้ ต้องเป็นไปตามลำดับขั้น ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามลำดับขั้น ก็เหมือนกับ ถ้าเราฟังเรื่องว่าเข้าใจขั้นฟังแล้ว ก็จะมีขั้นรู้ตรงลักษณะ แต่ว่าเราเข้าใจขั้นเบื้องต้นไม่เพียงพอว่า ธรรมะคืออะไร แล้วก็ เป็นธรรมะอย่างไร ในขณะนี้ แต่ก็จะทึกทัก หรือว่า อยากได้ ปัญญา ที่มากกว่าปัญญาที่เป็นจริง ...
... ซึ่งถ้าไม่ศึกษาไปตามลำดับขั้น ข้ามขั้น ก็จะเป็นเครื่องกั้น หรือว่า ทำให้ประโยชน์ในการฟังก็น้อยลงไป เพราะว่า ในการที่เกิดมาเป็นมนุษย์ยาก แล้วได้ฟัง (พระธรรม) ก็ยาก และเมื่อได้ฟังแล้ว ถ้าไม่ศึกษาตามลำดับขั้น ก็ทำให้เสียประโยชน์ คล้ายๆ ว่า เจอที่จะได้ฟัง (ก็) ยากแล้ว แต่เมื่อฟังแล้ว โลภะหรือความไม่รู้ ก็อยากที่จะมี "ปัญญา" มากกว่าที่เป็นจริงๆ ตรงนี้ก็จะทำให้เสียประโยชน์ ซึ่งจะขอความกรุณาท่านอาจารย์ว่า ความจำเป็นที่ว่า ต้องศึกษาตามลำดับขั้น จริงๆ ค่ะ
ท่านอาจารย์ ธรรมะ ก็ไม่แปลกจากอย่างอื่น มีความเข้าใจระดับสูงสุด กับ เบื้องต้น จะให้เข้าใจสูงสุด ก่อนเบื้องต้น ก็เป็นไปไม่ได้
คุณอรวรรณ ท่านอาจารย์คะ ถ้าเทียบการเรียนในระบบ หรือว่าเรียนทางโลก ก็ดูเหมือนกับ ต้องเริ่มจากอนุบาล แล้วก็ประถม แล้วก็มัธยม แล้วก็ถึงจะไปปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งอันนั้นยังง่าย แต่ว่า ในการศีกษาธรรม เพื่อให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ถ้าเทียบแล้วก็ ยากกว่าตรงนั้นเยอะ เพราะฉะนั้น ก็แน่นอน ต้องเป็นตามลำดับขั้นเช่นเดียวกันค่ะ
ท่านอาจารย์ ค่ะ ปริยัติ คือ รอบรู้ ในพระธรรม สิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ เพียงแค่ฟังนี่ รอบรู้หรือเปล่า?
คุณอรวรรณ ตามความเข้าใจก็คือ ถ้าฟัง คือ ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะนี้เป็นธรรม (แต่) ถ้าฟังเป็นชื่อ เป็นเรื่องราว ก็ยังไม่ใช่ปริยัติ ที่จะทำให้เข้าใจขั้นฟัง ขั้นต่อๆ ไป
ท่านอาจารย์ เท่าที่ฟังมาทั้งหมดนี่ "รอบรู้" หรือยัง?
คุณอรวรรณ ยังค่ะ
ท่านอาจารย์ ถ้ายังไม่ "รอบรู้" จะสามารถ "รู้" สิ่งที่กำลังปรากฏโดยความเป็นธรรม หรือว่า โดยความเป็น "อนัตตา" ได้ไหม?
คุณอรวรรณ ก็ยังไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือว่า "รู้ความต่าง" ของ "ขณะที่ฟังเข้าใจ" เรื่องของธรรม ทั้งๆ ที่ "ตัวของธรรม ก็กำลังปรากฏ" และถ้าไม่มีปัจจัยพอที่จะเข้าใจ "ลักษณะ" ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ คนนั้นก็รู้เอง!!
... ยังไม่มีปัจจัยพอ ที่จะเข้าใจ เห็น ได้ยิน คิดนึก สุข ทุกข์ ทุกอย่างที่มีจริง แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง ซึ่งมีปัจจัยเกิด ปรากฏ และ เวลานี้ ก็หมดไปแล้ว นับไม่ถ้วน โดยที่ว่า ไม่ได้ "รู้ลักษณะ" ของสภาพธรรม แต่ละหนึ่ง ... แต่ละหนึ่ง ...
... ด้วยเหตุนี้ การศึกษาธรรม ต้องเป็นผู้ที่ "ตรง" แล้วก็ "จริงใจ" เรียน ... ฟัง ... เพื่อ "เข้าใจ" ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อ หวังอย่างนั้น หวังอย่างนี้!!
เมื่อกี้นี้ เรารับประทานอาหารเพื่ออะไร?
คุณอรรรณ เพื่อให้หายหิวและอิ่ม
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ฟังธรรม เพื่ออะไร?
คุณอรวรรณ เพื่อเข้าใจ ค่ะ
ท่านอาจารย์ เพื่อเข้าใจ ก็ต้อง "ตรง" ใช่ไหม?
คุณอรวรรณ ค่ะ ท่านอาจารย์คะ ที่ท่านอาจารย์ถามว่า ปริยัติ คือ รอบรู้ แล้วถามว่า รอบรู้ หรือยัง จริงๆ เหมือนกับว่า เราฟังเรื่องราวของธรรม เพื่อให้เข้าใจ ตัวธรรม ในขั้นที่ กว่าจะเป็น การรอบรู้ แค่ขั้นฟัง เพืื่อเป็นการรอบรู้นี่ ต้องฟังมาก จริงๆ
ท่านอาจารย์ แล้วถ้า "ฟัง ... รอบรู้ ... และ ... เข้าใจ ... แล้ว จะเปลี่ยนไหม?
คุณอรวรรณ ถ้า "เข้าใจ" แล้ว ก็ไม่เปลี่ยน
ท่านอาจารย์ อย่างขณะนี้ จะไป "รู้อย่างอื่น" ที่ไม่ปรากฏนี่ ถูกไหม?
คุณอรวรรณ ก็ไม่ถูก
ท่านอาจารย์ นี่คือ ความเข้าใจ ที่มั่นคงว่า แม้มี ยังไม่รู้ ก็คือ ยังไม่รู้ จะเปลี่ยนขณะที่ยังไม่รู้ ให้เป็นรู้แจ้ง ก็ไม่ได้ แต่การที่จะรู้แจ้งได้ ก็ต้องจากการที่ เข้าใจขึ้น แล้วสภาพธรรมก็ปรากฏ ตรง ตามที่ได้ฟังด้วย ไม่ต่างกันเลย ถึงจะเป็นความถูกต้อง
คุณอรวรรณ ท่านอาจารย์คะ ในอีกประเด็นปัญหา ในกลุ่มสนทนาย่อย ก็จะมีว่า ชอบเอาเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว มาถามว่า เอ๊ะ! ตอนนั้น เป็นธรรมอะไร? ซึ่งตรงนี้ เหมือนกับว่า ไม่ได้ทำให้เข้าใจธรรม ที่กำลังปรากฏ ขณะนี้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็ไม่รู้เลย ว่าเป็นธรรม และ "ฟัง" เพื่อ "เข้าใจ" ธรรมที่กำลังปรากฏ
คุณอรวรรณ เพราะฉะนั้น ในการศึกษา ต้องเข้าใจว่า กำลังศึกษาธรรมะที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จริงๆ
ท่านอาจารย์ ค่ะ ถูกต้องค่ะ มีตั้งหลายอย่าง ไม่รู้สักอย่าง หรือ ใครรู้บ้าง? หรือ ใครรู้บางอย่าง? คะ? หรือยัง "ฟัง" แล้วก็ "เริ่มที่จะเข้าใจ" "จิต" อย่างนี้ มีจริงๆ ใช่ไหม? เป็นธรรม เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นปรมัตถธรรม บังคับบัญชาไม่ได้ แล้วก็ไม่ใช่ของใคร แล้วก็ เข้าใจจิตเดี๋ยวนี้ หรือเปล่า? เข้าใจ "จิต" นะคะ ไม่ใช่ เข้าใจ "เรื่องจิต" เข้าใจ "จิต" ที่กำลังเป็น "จิตขณะนี้" หรือยัง?
" ... ในกาลบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดงสัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ ... "
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๔๕๔
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาท่านเจ้าของบ้าน คุณฟองจันทร์ นันตา และ คุณไอแว่น วอลช
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ
"......เข้าใจจิตเดี๋ยวนี้ หรือเปล่า? เข้าใจ "จิต" นะคะ ไม่ใช่เข้าใจ "เรื่องจิต" เข้าใจ จิตที่กำลังเป็นจิต "ขณะนี้" หรือยัง?......"
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ และ ขอขอบคุณท่านวันชัย ที่ทำให้ไม่เสียโอกาสจากธรรมที่ได้มีการสนทนากันค่ะ
ป.ล.เห็นด้วยค่ะว่า บ้านออกแบบได้น่าอยู่มาก เรียบง่ายและมีความเข้าใจเรื่องแสงและspace ดีค่ะ การออกแบบแบบนี้ใช่มั้ยค่ะที่เรียกกว่า "Less is more" และ "Form follows function"
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ชีวิตสุดแสนคุ้มค่า ที่เกิดมาได้ฟังพระธรรม"
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาคุณฟองจันทร์ นันตา และ คุณไอแว่น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย และทุกๆ ท่านครับ
"การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรสะสม สิ่งที่ควรมีก็คือ ความรู้ ความเข้าใจพระธรรม คือ ปัญญา" กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขออนุโมทนาคุณฟองจันทร์ นันตา และ คุณไอแว่น ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย และสหายธรรมทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า กราบเท้าท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขออนุโมทนาคุณฟองจันทร์ นันตา และ คุณไอแว่น ขออนุโมทนา ในกุศลจิตของคุณวันชัย และสหายธรรมทุกท่านที่มีสัมมาทิฏฐิด้วยเศียรเกล้า
" ....นี่คือ ความเข้าใจ ที่มั่นคงว่า ...แม้มี... ยังไม่รู้ ก็คือ ยังไม่รู้ จะเปลี่ยนขณะที่ยังไม่รู้ ให้เป็นรู้แจ้ง ก็ไม่ได้ แต่การที่จะรู้แจ้งได้ ก็ต้องจากการที่เข้าใจขึ้น แล้วสภาพธรรม ก็ปรากฏ ตรง ตามที่ได้ฟังด้วย ไม่ต่างกันเลย ถึงจะเป็นความถูกต้อง.... "
ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านครับ
กราบอนุโมทนาในพระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านเจ้าของบ้านและทุกท่านที่เกี่ยวข้องในคราวนี้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัย ณ กาลครั้งหนี่ง ด้วยครับ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และทุกๆ ท่านโดยเฉพาะคุณฟองจันทร์ นันตาคุณไอแว่น คุณวันชัย..ขอบพระคุณค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ที่เคารพสูงยิ่ง
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกประการของพี่แอ๊วและครอบครัวค่ะ