อภิธรรมในชีวิต [41] อุทธัจจเจตสิก สติเจตสิก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เราอาจจะไม่เห็นโทษของโมหมูลจิต ที่เกิดร่วมกับอุทธัจจเจตสิกเพราะขณะนั้น เป็นจิตที่เกิดร่วมกับ อุเบกขาเวทนา (ความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์) แต่อกุศลจิต ทุกประเภท เป็นโทษ
โมหเจตสิก และ ปัญญาเจตสิก
โมหเจตสิก เป็นโทษ เพราะ เป็นมูล (เหตุให้เกิด) ของ "อกุศลธรรมทั้งปวง" เมื่อ "ไม่รู้-สภาพธรรม-ตามความเป็นจริง" อกุศลธรรม ก็จะ สะสมมากขึ้น โมหเจตสิก เป็น ปัจจัยให้เกิด "โลภะ" (โลภมูลจิต) ... เพราะเมื่อ "ไม่รู้" สภาพธรรม ตามความเป็นจริง ก็ย่อมเพลิดเพลินไป ในอารมณ์ ที่ปรากฏทางทวารต่างๆ โมหเจตสิก เป็นปัจจัยให้เกิด "โทสะ" (โทสมูลจิต) เพราะเมื่อ "ไม่รู้" สภาพธรรม ตามความเป็นจริง ก็ย่อมเกิดความโกรธได้ ขณะที่ประสบกับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ โมหเจตสิก เกิดกับ อกุศลจิต ทุกประเภทและ เป็น (มูล) เหตุ ให้กระทำ "อกุศลกรรมบถ" ทางกาย วาจา ใจ
ขณะใด ที่ "สติ" ระลึก ตรงสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏทางทวารหนึ่ง ทวารใดใน ๖ ทาง เท่านั้นคือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ "ปัญญา" จึงจะสามารถเจริญขึ้นจนกระทั่งสามารถ "ดับโมหะ" ได้ เป็นสมุจเฉท
พระอริยบุคคล
พระโสดาบันบุคคล (ผู้-รู้แจ้ง-อริยสัจจธรรม-ขั้นแรก) สามารถ ดับ โมหมูลจิต วิจิกิจฉาสัมปยุตต์ ได้เป็นสมุจเฉท ท่าน "ไม่มีความสงสัย ในปรมัตถธรรม" อีกเลย ท่านรู้จัก "โลกในอริยวินัย" ไม่มีความสงสัย เคลือบแคลง ใน พระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ไม่สงสัย ใน "มัคคปฏิปทา" ซึ่งเป็น หนทาง ที่นำไปสู่การดับกิเลส.
พระโสดาบันบุคคล (ผู้รู้แจ้งในอริยสัจจธรรมขั้นแรก) พระสกทาคามี (ผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมขั้นที่สอง) พระอนาคามี (ผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมขั้นที่สาม) ทั้ง ๓ บุคคล ยังมี "โมหมูลจิตอุทธัจจสัมปยุตต์" พระอรหันต์ เท่านั้น ที่ดับกิเลสได้ หมดสิ้น
หนังสือ "พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน" [Abhidhamma in Daily Life] โดย นีน่า วันกอร์คอม แปลโดย อ. ดวงเดือน บารมีธรรม จัดพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดย มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เปิดอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ...