....ความโกรธของปุถุชน
(ต้นสาละลังกา)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ถอดเสียงจาก ชุดปกิณกธรรม แผ่นที่ ๑๒ ครั้งที่ ๖๗๙
สนทนาธรรมที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๗
โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"ความโกรธของปุถุชน"
ท่านอาจารย์ ท่านอนาถบิณฑิก ท่านเป็นพระอริยสาวก ท่านเป็นพระโสดาบันแล้วนะคะ ท่านยังมีกิเลสไหม
ท่านผู้ฟัง มีครับ
ท่านอาจารย์ ท่านโกรธไหม
ท่านผู้ฟัง มีครับ ...โกรธ
ท่านอาจารย์ มี ท่านอนาถบิณฑิก ซึ่งเป็นสาวกโกรธ กับ คนซึ่งไม่ใช่พระอริยสาวก ซึ่งเป็นปุถุชนโกรธ พระอริยสาวกยังสามารถที่จะระลึกได้ว่า ขณะนั้น เป็นสภาพธรรมที่ไม่ควรที่จะสั่งสมเพราะเหตุว่าเป็นอกุศล แต่ปุถุชนโกรธใครวันไหน วันนี้ก็ยังโกรธอยู่ ยังพูดถึง ยังไม่ลืม นี่ก็แสดงว่าไม่มีปัญญาที่จะรู้สภาพธรรมในขณะนั้นได้ว่า มีลักษณะที่ไม่ควรที่จะสั่งสมต่อไป เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นความต่างกันนะคะ เพราะแม้ว่าจะทรงแสดงว่าไม่ควรที่จะโกรธ พยาบาท ผูกโกรธ ...แต่ก็ทำ เพราะเหตุว่า ปัญญาไม่ถึงขั้นที่สามารถที่จะเห็นโทษของสภาพของอกุศลในขณะนั้นได้ มีมั้ยคะความจริง
ท่านผู้ฟัง ความจริงก็มีครับ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น มีข้อความว่า
"ดูกร คฤหบดี อริยสาวกทราบว่า อภิชฌาวิสมโลภะ เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังนี้แล้วละอภิชฌาวิสมโลภะ อันเป็นอุปกิเลสแห่งจิตเสีย" คือท่านละได้ เพราะว่าสติสัมปชัญญะเกิด "ทราบว่าพยาบาท อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังนี้แล้ว ละพยาบาท อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉาอันเป็นอุปกิเลสแห่งจิตเสีย" การละของพระอริยะนี่ ก็ต้องต่างกับผู้ที่มีปัญญาไม่ถึงความเป็นพระอริยะ ถ้าผู้ที่มีปัญญาไม่ถึงความเป็นพระอริยะนะคะ อาจจะเกิดสติ ฯ มีความเข้าใจถูกต้องว่า "ขณะนั้นไม่เป็นประโยชน์เลย" การที่เข้าใจอย่างนั้น ขณะนั้นก็ทำให้พยาบาทเหล่านี้ไม่เกิด แต่ถ้าเป็นผู้ที่ได้ฟังธรรมะ อบรมเจริญปัญญา ละด้วยสติสัมปชัญญะที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น และเมื่อเป็นพระอริยสาวก ปัญญาก็ย่อมมากกว่าผู้ที่ยังไม่เป็นพระอริยสาวก
(ดอกสาละลังกา)
ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับปุถุชนที่ยังมีกิเลส ถ้าเรามีปัญญาระลึกรู้ว่า ขณะ นั้นก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ปรากฏแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนค่ะ
ความโกรธเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ? ผมอยากจะเข้าใจคำศัพท์ว่า "สภาพธรรม" ที่ถูกมากขึ้นกว่ากล่าวเพียง จิต เจตสิก รูป ฯลฯ เป็นสภาพธรรม (ผมก็คิดว่าความโกรธเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่่ง นาม-รูป ฯลฯ ก็เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างครับ ถ้าสภาพธรรมใดๆ มีลักษณะอย่างนาม-รูปก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถือสาหาความกับคนสัตว์และสิ่งใดๆ )
เรียนคุณชีวิตคือขณะจิตครับ
ความโกรธ มีจริง เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งครับ เคยโกรธมั้ยครับ ขณะนั้นมีจริง ไม่เรียกชื่อก็ได้ เป็นสิ่งที่มีลักษณะอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาโกรธก็รู้ตัวว่าโกรธใช่มั้ยครับ ขอนไม้ หรือ ท่อนไม้ ไม่โกรธแน่ๆ ฉะนั้น โกรธ เป็นสภาพรู้ อาการรู้ จะเรียก "นาม" ก็ได้ ไม่เรียกก็ได้ แต่โกรธแล้วรู้ ไม่ใช่โกรธแล้วไม่รู้ รู้ว่าโกรธ ใครโกรธ ใครรู้? ยังไม่เห็นว่าเป็นสภาพธรรมใช่มั้ยครับ จึงต้องฟัง เพื่อให้เกิดความเห็นถูกว่าสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ อะไรก็ตามแต่ ทีละหนึ่ง เป็นธรรม มีจริง ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขาครับ เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่ปรากฏเท่านั้น จนกว่าจะเห็นถูกด้วยปัญญาจริงๆ จึงจะค่อยๆ เข้าใจความหมายของคำว่า "สภาพธรรม" ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงครับ ไม่ได้อยู่ในตำรา แต่กำลังมีอยู่ในขณะนี้