ภูเขาบังเส้นผม

 
kanchana.c
วันที่  25 มี.ค. 2554
หมายเลข  18105
อ่าน  2,853

วันนี้ ๒๕ มี.ค. ๕๔ ได้ไปร่วมฟังท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ วิทยากรของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา สนทนาธรรมที่บ้านคุณตุ๊กแก วรรณวิไล และ

คุณสมศักดิ์ ที่สายไหม ๖๖ ท่านทั้งสองเป็นศิลปินทั้งคู่ บ้านของท่านจึงไม่ธรรมดา ร่มรื่นสวยงามด้วยพรรณไม้นานาชนิด

มีงานศิลปะตบแต่งอยู่ทั่วบ้าน แม้แต่บนฝาผนังห้องน้ำท่านก็วาดภาพสัตว์เลี้ยงแสนรัก

คือ สุนัขและแมวไว้อย่างสวยงาม

ในการสนทนาธรรมตอนหนึ่ง ท่านอาจารย์กล่าวว่า ก่อนฟังธรรมนั้น เส้นผมบัง ภูเขา

แต่เมื่อฟังธรรมแล้ว ภูเขาบังเส้นผม แล้วท่านอธิบายขยายความให้ฟัง ขอเล่าให้ฟังตาม

ที่ จำได้ ซึ่งอาจจะไม่กระจ่างเท่ากับความเข้าใจของตนเองนัก ถ้าใครจะกรุณาเพิ่มเติมให้

แจ่มแจ้งขึ้นก็จะเป็นพระคุณยิ่ง ก่อนฟังธรรมเส้นผมบังภูเขานั้น โลภะเกิดขึ้นให้รู้นิดเดียว

เท่านั้น ทำให้ไม่รู้ว่ายังมีโลภะอีกมากมายที่สะสมมาและเมื่อฟังธรรมแล้ว ภูเขาบังเส้นผม

คือ รู้ว่ามีอวิชชามากมายใหญ่โต ยิ่งกว่าภูเขาที่ปิดบังให้ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่

เกิดปรากฏแต่ละขณะที่สั้นมาก เล็กน้อยมาก

ธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ช่างลึกซึ้งจริงๆ ยิ่งฟัง ก็มีสิ่งที่ยังไม่รู้อีก

มากมาย ที่ฟังแล้วก็ลืมหมดแล้ว และเมื่อไรจะเข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดง ถ้าไม่ฟังต่อ

ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจขึ้นๆ ทีละเล็กทีละน้อย ท่านอาจารย์เน้นว่า ขันติเป็นตบะ

อย่างยิ่ง เพราะการศึกษาพระธรรมนั้นต้องใช้ความอดทนที่จะไม่ให้ความอยากรู้ อยาก

เข้าใจอย่างรวดเร็ว ชักจูงไปสู่ทางอื่น ที่ไม่ใช่ทางฟังธรรมให้เข้าใจขึ้นๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 มี.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ บัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้

เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆ และไม่น้อมพระทัยที่จะแสดงพระธรรมเพราะ

พระองค์ได้เกิดพระปริวิตก ว่าธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้นลึกซึ้ง ยากที่ใครที่จะรู้ได้

พระองค์ทรงอุปมาประการต่างๆ ดังอุปมาที่ว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้เห็นได้ยาก

เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขาบังไว้ ซึ่งดังเช่นที่ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าว

ไว้ว่า เปรียบดังภูเขาบังเส้นผม ขณะนี้มีสภาพธรรมที่เปรียบเหมือนเส้นผมที่มีเป็นปรกติ

ในชีวิตประจำวันแต่ถูกภูเขาคืออวิชชาปกปิดไว้ไม่ให้รู้ความจริงในขณะนี้ อวิชชาเปรียบ

เหมือนภูเขาใหญ่ หากไม่ใช่ปัญญาแล้วก็ไม่มีทางรู้ความจริงในขณะนี้ที่เป็นเพียง

เส้นผมที่มีปกติในชีวิตประจำวันเลย เมล็ดพันธุ์ผักกาด ถูกภูเขาบังไว้ เมล็ดพันธุ์ผักกาด

คือสัจจธรรมความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์

เป็นอนัตตา แต่ถูก ภูเขาคืออวิชชาปิดบังไว้ไม่ให้รู้ความจริง จึงยากที่จะรู้ความจริงๆ ได้

เพราะอวิชชาปิดบังไว้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 26 มี.ค. 2554

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 119

พึงทราบว่า ทรงน้อมพระทัยไปอย่างนั้น แม้ด้วยอานุภาพการพิจารณาความที่ธรรมลึกซึ้ง

ว่า ธรรมนี้ลึกซึ้งเหมือนลำน้ำรองแผ่นดิน เห็นได้ยากเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดถูกภูเขา

บังไว้ แทงตลอดได้ยาก เหมือนเอาปลายต่อปลายแห่งขนทรายที่แยกออก ๗ ส่วน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 26 มี.ค. 2554

พระพุทธองค์ยังทรงอุปมาหลายอย่างอันแสดงถึงความจริงว่าอวิชชาเปรียบเหมือนภูเขา

ใหญ่ ที่ปิดบังไว้ไม่ให้รู้ความจริง ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้

ดังนี้ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่....ว่าด้วยอุปมาอวิชชาดุจภูเขาใหญ่ [ทันตภูมิสูตร]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 26 มี.ค. 2554
ขออนุโมทนา ในหัวข้อนี้ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 26 มี.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ ซึ่งสิ่งที่มีจริงนี้ ก็กำลังมีในขณะนี้ แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม มีแต่เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นเราที่ได้กลิ่น.. เป็นเราที่คิดนึก เป็นเราที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จึงจะค่อยๆ รู้ขึ้นมาบ้างว่าเป็นธรรม ทำให้เห็นถึงความหนาแน่นของอวิชชา (ความไม่รู้) ที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ที่ปกคลุมปิดบังไม่ให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ถึงแม้จะมีอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นปกติอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ธรรมจึงเป็นเรื่องที่ยาก ละเอียด ลึกซึ้ง เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ผู้ที่เป็นบัณฑิตมีปัญญาเท่านั้นถึงจะรู้ตามความเป็นจริงได้ และประการที่สำคัญ เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด และไม่ต้องแสวงหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีอยู่ทุกขณะ หนทางเดียวที่จะค่อยๆ ละคลายอวิชาให้เบาบางลงได้ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญในชีวิต นั่นก็คือ การฟังพระธรรม ขณะที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะค่อยๆ ละคลายอวิชชาไปตามลำดับ และจะถูกดับได้อย่างเด็ดขาดไม่เกิดอีกเลย เมื่อได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไกลมาก แต่ก็สามารถเริ่มอบรม สะสมปัญญาได้ตั้งแต่ในขณะนี้ ขอฝากธรรมวาทะบทหนึ่งที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวที่บ้านของคุณวรรณวิไล (พี่ตุ๊กแก) ว่า "ไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับเกิดมาแล้วได้เข้าใจธรรมะ"

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา, คุณผเดิม และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พรรณี
วันที่ 27 มี.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pairojj
วันที่ 27 มี.ค. 2554

ขอบคุณและอนุโมทนายิ่งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 27 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 27 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 28 มี.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สมศรี
วันที่ 28 มี.ค. 2554
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chaiyut
วันที่ 28 มี.ค. 2554

บ้านของท่านทั้ง ๒ คือ คุณสมศักดิ์และคุณวรรณวิไล มีทั้งความร่มรื่นย์และมีศิลปะที่ดูแล้วเย็นตาสวยงาม บรรยากาศดี สัปปายะแก่การสนทนาธรรมมากครับ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์กาญจนาที่ช่วยต่อประทีปไฟคือกุศลให้ทุกคนได้รับรู้ แล้วได้อนุโมทนาต่อๆ กันไปอยู่เสมอครับ

และขออนุโมทนากุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
win@wavf
วันที่ 29 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
intira2501
วันที่ 30 มี.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wirat.k
วันที่ 31 มี.ค. 2554

"ท่านอาจารย์เน้นว่า ขันติเป็นตบะ อย่างยิ่ง เพราะการศึกษาพระธรรมนั้นต้องใช้

ความอดทนที่จะไม่ให้ความอยากรู้ อยาก เข้าใจอย่างรวดเร็ว ชักจูงไปสู่ทางอื่น

ที่ไม่ใช่ทางฟังธรรมให้เข้าใจขึ้นๆ "

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
pat_jesty
วันที่ 1 เม.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ