ความเป็นมิตร ... ไม่มีช่องว่าง
(ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ถอดเสียงจาก ชุดพื้นฐานพระอภิธรรม แผ่นที่ ๑ ครั้งที่ ๔๖
สนทนาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ ที่ ๗ ธ.ค. พ.ศ. ๒๕๔๖
โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"ความเป็นมิตร ... ไม่มีช่องว่าง"
คุณกุลวิไล ท่านอาจารย์คะ เวลาที่เราศึกษาพระธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของปรมัตถธรรมเนี่ย แล้วเราก็เปรียบเทียบระหว่างมนุษย์กับสัตว์ก็จะเห็นว่าไม่แตกต่างกัน ในด้านที่ว่าเป็นกามาวจรภูมิเหมือนกันแล้วก็มีจิต ๔ ชาติเหมือนกัน มีชาติกุศล อกุศล วิบาก และก็กิริยา แต่เพียงแต่ว่าเค้าปฏิสนธิด้วย สันตีรณะอกุศลวิบาก เท่านั้นเอง
ท่านอาจารย์ นี่ก็จะทำให้เราเข้าใจทุกชึวิต แล้วก็มีความเป็นมิตรเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ...ก็คือชั่วขณะที่เกิดในชาตินี้ เป็นอย่างนี้ ชาติก่อนเป็นอะไร แล้วชาติต่อไปจะเป็นอะไร สุปปะพุทธะกุฏฐิ ขอทานโรคเรื้อน ใครเคย (สบ) ประมาทใครเคยดูหมิ่น ใครเคยทำอะไร (ไม่ดีกับท่านไว้) แต่ก่อนจะสิ้นชีวิต ท่านเป็นพระโสดาบัน เมื่อเกิดบนสวรรค์เนี่ย คุณธรรมมากกว่าไหม ... (มากกว่า) ที่คนที่เคยดูหมิ่น หรือว่าคนที่เคยทำสิ่งที่ไม่ดี คิดไม่ดีกับท่านเหล่านั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจธรรมะเป็นธรรมะจริงๆ กุศลจิตก็เกิดมาก จะไม่มีช่องว่างระหว่างฐานะ ระหว่างความรู้ระหว่างชาติตระกูล หรืออะไรทุกอย่าง มีความเป็นมิตรด้วยใจจริง แล้วความเป็นมิตรคือหวังดี พร้อมที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้ามีความเข้าใจสภาพธรรมะจริงๆ เนี่ยค่ะ กุศลก็จะเพิ่มขึ้น
เป็นข้อความที่เตือนใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ผู้ที่มีปกติเจริญเมตตา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มีความสุขทั้งตนเองและผู้อื่นค่ะ
ศึกษาธรรม มามากมาย แสนเสียดาย ไม่เมตตา
คงอยู่ ในตำรา อนิจจา ไม่เกิดผล
ฟังแล้ว และฟังเล่า โถ...ไม่เข้า ในใจคน
ย่อมเสีย ประโยชน์ตน ใช่บุคคล ที่ไหนมี???
"ถ้าเราเข้าใจธรรมะเป็นธรรมะจริงๆ เนี่ยค่ะ กุศลจิตก็เกิดมาก จะไม่มีช่องว่างระหว่างฐานะ ระหว่างความรู้ ระหว่างชาติตระกูล หรืออะไรทุกอย่าง"
สาธุ สาธุ
ช่องว่างเป็นสิ่งที่แบ่งแยกนั่นเขาและนี่เรา จึงเลือกที่จะปฏิบัติตรงกับคำที่ฮิตในปัจจุบันเช่นคำว่า สองมาตรฐาน * * ไม่มีช่องว่างย่อมไม่มีอคติที่จะกระทำดีเฉพาะพวกของตนโดยไม่คิดถึงคนอื่นๆ ผู้ไม่มีช่องว่างจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคด้วยความเป็นมิตรขณะนั้นเป็นต้องเป็นกุศลจิตเท่านั้น * * พระธรรมทันสมัยเสมอ
ขออนุโมทนาคะ
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจธรรมะเป็นธรรมะจริงๆ เนี่ยค่ะกุศลจิตก็เกิดมาก จะไม่มีช่องว่างระหว่างฐานะ ระหว่างความรู้ระหว่างชาติตระกูล หรืออะไรทุกอย่าง มีความเป็นมิตรด้วยใจจริง แล้วความเป็นมิตรคือหวังดี พร้อมที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้ามีความเข้าใจสภาพ-ธรรมะจริงๆ เนี่ยค่ะ กุศลก็จะเพิ่มขึ้น
ขออนุโมทนาครับ
และ
ช่องว่างเป็นสิ่งที่แบ่งแยกนั่นเขาและนี่เรา..
จึงเลือกที่จะปฏิบัติตรงกับคำที่ฮิตในปัจจุบันเช่นคำว่า สองมาตรฐาน * * ไม่มีช่องว่างย่อมไม่มีอคติที่จะกระทำดีเฉพาะพวกของตนโดยไม่คิดถึงคนอื่นๆ ผู้ไม่มีช่องว่างจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคด้วยความเป็นมิตร
ขณะนั้นเป็นต้องเป็นกุศลจิตเท่านั้น * *
พระธรรมทันสมัยเสมอ
ขออนุโมทนาครับ
[เล่มที่ 73] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 242
ดูก่อนสุเมธบัณฑิต ตั้งแต่นี้ไปท่านต้องบำเพ็ญเมตตาบารมี ท่านพึงมีจิตเป็นอย่างเดียวกัน ทั้งในผู้มีประโยชน์เกื้อกูล ทั้งในผู้ไม่มีประโยชน์เกื้อกูล เปรียบเหมือนน้ำย่อมเอิบอาบทำความเย็นเป็นอย่างเดียวกัน ทั้งบาปชน ทั้งกัลยาณชน แม้ฉันใด ถึงตัวท่าน มีจิตเป็นอย่างเดียวกันด้วยเมตตาจิต ในสรรพสัตว์ทั้งหลาย ธรรมดาน้ำ ย่อมแผ่ความเย็นไปเสมอกัน ทั้งในคนดีและคนชั่ว ย่อมพัดพาซึ่งมลทินคือ ธุลีไป แม้ฉันใด ท่านจงแผ่เมตตาไปสม่ำเสมอ ในคนที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล และชนที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลฉันนั้นเหมือนกัน
