ตกเหว [ตอนที่ ๑...ที่ยังสัตว์ให้แล่นไปในสังสารวัฏฏ์]

 
เมตตา
วันที่  16 เม.ย. 2554
หมายเลข  18218
อ่าน  1,998

[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 1118

บทว่า มหาปปาเต (ในเหวใหญ่) ได้แก่

ในเหว คือ คติ ๕ (เกิดในนรก, เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน, เกิดเป็นเปรต, เกิดเป็นมนุษย์ และ เกิดเป็นเทวดา) หรือ ในเหว คือ ชาติ ชรา และมรณะ ทั้งหมดนั้นชื่อว่า ปปาตะ (เหว) เพราะขึ้นได้ยาก

(จาก ... อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค)

เหว หมายถึง ที่ที่ทำให้สัตว์ตกลงไป และยากที่จะขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าจะได้เกิดในภพภูมิที่ดี เช่น เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เกิดเป็นเทวดาในสุคติภูมิ ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม แต่ก็ได้ชื่อว่า อยู่ในเหว หรือ ตกลงไปในเหว เนื่องจากว่ายังอยู่ในวัฏฏะ ยังไม่พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเมื่อมีการเกิด ก็ย่อมจะมีทุกข์ประการต่างๆ มากมาย อันเนื่องมาจากการเกิด

แต่ที่น่าพิจารณา คือ ผู้ที่ได้เกิดในภพภูมิที่ดีซึ่งเป็นผลของกุศลกรรมนั้น ก็ยังสามารถจำแนกออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ

ประเภทแรก อยู่ในเหว แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในเหว เป็นผู้เต็มไปด้วยความประมาทมัวเมา เพลิดเพลินไหลไปด้วยอำนาจของอกุศลธรรม ไม่สะสมที่พึ่งคือ กุศลธรรมให้กับตนเอง ซึ่งจะเป็นเหตุให้จมอยู่ในเหวอีกต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ซ้ำร้ายไปกว่านั้น จะเป็นเหตุให้จมลึกลงไปในเหวที่น่ากลัวกว่าสุคติภูิมิ นั่นก็คือ อบายภูมิ ซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานเดือดร้อนมากมาย

ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ อยู่ในเหว แต่ก็รู้ว่าตนเองอยู่ในเหว โดยเฉพาะเหวที่ลึกที่สุด คือ เหวของอวิชชา ความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง (อวิชชาเป็นอกุศลธรรม ที่ยังสัตว์ให้แล่นไปในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น) จึงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ปล่อยมือจากกุศลธรรม และไม่ปล่อยมือจากการฟังพระธรรม

การฟังพระธรรมคำสอน จะเป็นหนทางที่จะทำให้ค่อยๆ ไต่ขึ้นจากเหวที่ตนเองตกลงไปได้ทีละเล็กทีละน้อย โดยจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาต่อไป จนกว่าจะขึ้นจากเหวได้อย่างเด็ดขาด เมื่อบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ดับอวิชชา และดับกิเลสทั้งปวงได้เด็ดขาด ไม่ต้องตกลงไปในเหวอีกต่อไป จึงควรอย่างยิ่งที่จะดำเนินไปตามหนทางที่จะไต่ขึ้นจากเหวได้ โดยไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน

....ขออนุโมทนาค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 17 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 17 เม.ย. 2554

"... การฟังพระธรรมคำสอน จะเป็นหนทางที่จะทำให้ค่อยๆ ไต่ขึ้นจากเหวที่ตนเองตกลงไปได้ ทีละเล็กทีละน้อย ..."

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 17 เม.ย. 2554
พระธรรมเปรียบเหมือนเชือกที่ฉุดให้เราขึ้นมาจากเหวลึก คืออวิชชาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 17 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 18 เม.ย. 2554

ขอยกพระสูตรที่กล่าวถึงการเกิด (เหวที่ลึก) ที่สามารถรู้ได้ ... เช่นการเกิดของมนุษย์

[เล่มที่ 15] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 229

ลมกัมมชวาตพัดให้หันศีรษะลงเบื้องล่าง หันเท้าขึ้นเบื้องบน มาอยู่ที่ปากช่องคลอด เหมือนอยู่ในเหวที่ลึกหลายร้อยชั่วบุรุษออกจากช่องคลอดซึ่งคับแคบ ก็ย่อมประสบทุกข์เป็นอันมาก เปรียบเสมือนช้างที่ออกจากโพรงต้นตาล ย่อมประสบความทุกข์ ฉะนั้น. ด้วยเหตุนั้น สัตว์เหล่านั้นย่อมไม่มีความรู้ว่า เราออกไปแล้ว ดังนี้. ความทุกข์อย่างใหญ่หลวงในฐานะเห็นปานนี้ ย่อมเกิดขึ้นแก่เหล่าสัตว์ แม้ผู้บำเพ็ญบารมีมาแล้วแท้อย่างนี้ ฉะนั้น ควรจะเบื่อหน่าย ควรจะคลายกำหนัดในการอยู่ในครรภ์.

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผิน
วันที่ 18 เม.ย. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Thirachat.P
วันที่ 18 เม.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jans
วันที่ 18 เม.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
narong.p
วันที่ 24 เม.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 13 ก.พ. 2556
กราบอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สิริพรรณ
วันที่ 3 เม.ย. 2564

กราบขอบพระคุณและยินดีในกุศลพี่เมตตา และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ