โลภ อวิชชาปิดบังความจริง
สภาพธรรมในชีวิตประจำวันถูกปกปิดด้วยอวิชชา เพราะความไม่รู้ในลักษณะสภาพ ธรรมตามความเป็นจริง ความคิดที่จำผิดในลักษณะสภาพธรรมว่าเป็นเรา ยึดสภาพ ธรรมต่างๆ ว่า นี่ขาเรา แขนเรา นิ้วเราเจ็บ ขาเราเจ็บ วันทั้งวันเต็มไปด้วยความไม่รู้ ความจริงในสิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะใดที่ไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมขณะนั้นก็เป็นปัจจัยให้ โลภ และอกุศลต่างๆ เกิดได้ เพราะฉะนั้น ควรเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมอบรม ความรู้ความเข้าใจแทนความไม่รู้ ปัญญาสามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมขณะ นั้นได้ ก็ไม่พ้นไปจากการเห็น การได้ยิน...การกระทบสัมผัส ซึ่งก็มีเพียงอ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหวเท่านั้น ไม่มีขา ไม่มีแขน มีแต่สภาพธรรมปรากฏเท่านั้น เพราะฉะนั้น ฟังให้เข้าใจจริงๆ ในขณะเห็น ขณะได้ยิน....และขณะคิดนึกว่าเป็น สภาพธรรมแต่ละอย่างจริงๆ
ขออนุโมทนาค่ะ
ธรรมเป็นเรื่องละเอียด เข้าใจยาก ทั้งแนวการสอนเช่นนี้ก็มีน้อยมาก บุคคลส่วนมากจึงไม่ ค่อยให้ความสนใจแนวการสอนนี้ เพราะเห็นว่ายาก เป็นวิชาการมากเกินไป
ขอ อนุโมทนา ในกุศลจิตคุณเมตตาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ เป็นธรรม ธรรมมีอยู่จริงในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นเป็นไป ตามเหตุปัจจัย เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไป ไม่ยั่งยืน สภาพธรรมที่จะรู้ตามความเป็นจริง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูก แต่เพราะสะสมอวิชชา คือ ความไม่รู้มาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จึงปิดบังไม่ให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง หนทางเดียวที่จะค่อยๆ ละคลายอวิชชาให้เบาบางลงไปได้ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาซึ่งความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญในชีวิต นั่นก็คือ การฟังพระธรรม นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และ ทุกๆ ท่านครับ...
การฟังธรรมเพื่อความเข้าใจก็ต้องอาศัยคำที่เป็นสมมติบัญญัติเพื่อเป็นความเข้าใจเบื้อง ต้นเพื่อให้เกิดปัญญาขั้นต้นคือการฟังและการอ่านก่อน สำหรับการเจริญปัญญาขั้นภาวนา มยปัญญาก็ต้องอาศัยสภาวธรรมที่ปรากฎขึ้นจริงในขณะนั้นไม่มีชื่อเรียกใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีชื่อ แสดงว่าสติขณะนั้นไม่มีรูปนามปรากฎขึ้นจริง
ขออนุโมทนาครับ