ร่างทรง องค์เจ้า
ขอเรียนถามไขข้อข้องใจเกี่ยวกับร่างทรง องค์เจ้า อย่างที่บ้านของกระผมก็มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นร่างทรง แต่เจ้าทรงองค์นั้นสามารถแก้ไสยศาสตร์ แก้อาถรรพ์ได้จริงครับ แต่กระผมมิได้เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แล้วก็มีผู้หญิงที่อายุยังหนุ่มอยู่ ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตที่ไม่น่าจะกลับมาเป็นคนปกติได้เลยครับ แต่เขาก็ได้มารักษากับเจ้าทรงองค์นี้ และเขาก็สามารถหายจากเป็นอัมพาตได้ครับ แต่ร่างทรงองค์สามารถทำนายทายได้แม่นด้วยครับ แต่ผมก็ไม่รู้นะครับว่าเป็นเพราะอะไร เจ้าทรงเขามีพลังอำนาจหรือเปล่าครับ หรือว่าเขาแกล้งทำ แต่ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ช่วยไขข้อข้องใจด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้มั่นคงในเรื่องของกรรม สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครทำให้ใครเป็นอย่างไรได้ นอกจากกรรมของบุคคลนั้นเอง หากว่าใครจะหายโรค ก็เพราะกรรมที่เป็นอกุศลกรรมที่กำลังให้ผลนั้น ไม่ให้ผลแล้ว หรือกรรมดีมาตัดรอนให้ผลของอกุศลกรรมนั้นเสื่อมไปครับ ไม่มีใครทำอะไรใครได้แม้แต่ผู้ที่คิดว่าเป็นหมอเข้าทรง ก็ไม่พ้นจากอำนาจของกรรม หมอเข้าทรงเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือให้พ้นจากอำนาจของกรรมได้ หากว่ากรรมนั้นจะให้ผล หากหมอเข้าทรงมีอำนาจจริงก็คงทำให้ตัวเองหายจากโรคได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งหมอที่รักษาทั่วไป แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นครับ ไม่มีใครเป็นใหญ่กว่าอำนาจของกรรม แม้แต่พระพุทธเจ้าเองผู้ที่ประเสริฐสูงสุดก็ไม่พ้นจากอำนาจของกรรมครับ หมอเข้าทรงจึงไม่ได้มีอำนาจ แต่กรรมต่างหากมีอำนาจทำให้สัตว์กระเสือกกระสนไปในที่ต่างๆ ในสังสารวัฏฏ์ และพบประสบกับทุกข์ประการต่างๆ การที่เขาเดาเหตุการณ์ถูก หรือรักษาคนป่วยให้หาย จึงไม่น่าอัศจรรย์เลย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เขารักษาหายและไม่ใช่ทุกคนที่เขาเดาเหตุการณ์ถูก แต่เมื่อเราถูกอำนาจของความไม่รู้ของปุถุชนอยู่ ไม่เข้าใจในเรื่องสัจจะที่พระองค์ทรงแสดง ว่าเป็นเรื่องของกรรมของแต่ละบุคคล เราจึงเข้าใจว่าหมอเข้าทรงมีอำนาจวิเศษ ไม่เช่นนั้นหมอที่รักษาคนไข้บางคนที่หายจากอัมพาตก็มีครับ เขาก็ไม่ได้มีความวิเศษหรือเข้าทรงอะไร แต่เพราะอาศัยการรักษาที่ถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดคือ กรรมของบุคคลนั้นที่เป็นอกุศลกรรมไม่ให้ผลอีก ก็หายจากโรคนั้นครับ จึงต้องมั่นคงในเรื่องของกรรมและมองตามความเป็นจริงก็จะเข้าใจตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงครับ
ส่วนในเรื่องของอมนุษย์เข้าสิงนั้น ในสมัยพุทธกาล มีตัวอย่างที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก มีตัวอย่างและก็ได้แสดงว่า คนที่รักษาศีล (อุโบสถศีล) ยักษ์ย่อมไม่เข้าสิง แต่ถ้าในคนที่ประพฤติไม่ดี ยักษ์ย่อมเข้าสิง คนที่ถูกยักษ์เข้าสิงเพราะไม่มีศีลครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...
การเข้าทรง จึงเป็นเรื่องของความไม่รู้ และเป็นการเพิ่มความไม่รู้กับผู้เสพคุ้นและเพิ่มความสงสัยให้กับผู้พบเห็น พระพุทธองค์ทรงติเตียนการกระทำเหล่านั้นคือการเป็นหมอทรงเจ้า เพราะไม่ใช่ปัญญา ไม่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส กลับเป็นการเพิ่มกิเลสเพิ่มความไม่รู้กับผู้ทำเองและผู้เสพคุ้นด้วยครับ อันเป็นติรัจฉานวิชา คือวิชาที่ทำให้กั้นสวรรค์ คือไม่สามารถไปสุคติภูมิได้ และกั้นมรรค ผล คือไม่สามารถบรรลุได้เลยเพราะเป็นความไม่รู้ครับ
การกล่าวความจริงที่เป็นสัจจะจึงไม่ใช่การลบหลู่ แต่ประโยชน์คือความเข้าใจพระธรรมที่เป็นความเห็นถูกอันจะนำมาซึ่งประโยชน์ของตนและผู้อื่นครับ
อำนาจที่วิเศษจึงไม่ใช่การเดาใจหรือรักษาคนหาย แต่อำนาจวิเศษที่สูงสุงคือพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าที่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ อันมีปาฏิหาริย์สามารถทำให้ผู้ป่วยทางใจที่ไม่รู้ มีปัญญาขึ้น จนสามารถดับกิเลสหมดอันเป็นสิ่งที่ยากแสนยากกว่าโรคทางกายนั่นคือรักษาโรคใจครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ควรพิจารณา คือ สิ่งที่กำลังกล่าวถึง (การเข้าทรง) นั้น เป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ เป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏหรือไม่ หรือว่าเป็นไปเพื่อความไม่รู้ เป็นไปเพื่อความงมงาย เป็นไปเพื่อเพิ่มอกุศลให้มีมากขึ้น สิ่งที่ควรฟัง ควรศึกษา ที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม นั่นก็คือ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ไม่ใช่เพื่อความไม่รู้ และไม่มีโทษมีภัยแก่ผู้ที่ศึกษาด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้องเลย มีแต่คุณประโยชน์โดยส่วนเดียวเท่านั้น ยิ่งศึกษามาก เข้าใจมาก ยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น เพราะศึกษาเท่าใดก็ยังไม่พอจนกว่าจะเป็นผู้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือพระอรหันต์ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ความประพฤติในชีวิตประจำวันก็จะเป็นไปในทางที่เป็นกุศลมากยิ่งขึ้น ตามกำลังแห่งความเข้าใจทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ควบคู่ไปกับการเป็นผู้มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผเดิม, คุณ ponglanna และ ทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเน้นเรื่องของปัญญา เน้นเรื่องของกรรมและผลของกรรม
ในพระไตรปิฎกก็มีแสดงไว้ คนไข้มี ๓ ประเภท
๑. คนไข้บางคน เป็นโรค รักษาหรือไม่รักษา ก็ไม่หาย เป็นโรคกรรม
๒. คนไข้บางคน จะรักษาหรือไม่รักษา ก็หาย
๓. คนไข้บางคน ต้องได้ยา ต้องได้อาหาร ได้คนดูแลที่เหมาะสม ถึงจะหาย
ทุกๆ คนหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ซึ่งทุกๆ คนทำทั้งกุศลกรรม (ความดี) และอกุศลกรรม (ความไม่ดี) มานับภพนับชาติไม่ถ้วน กรรมดีและกรรมไม่ดีรอจะให้ผลเมื่อมีเหตุและมีปัจจัยถึงพร้อม เราจะพ้นกุศลกรรมและอกุศลกรรมได้ เมื่อเป็นพระอรหันต์และไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
ขออนุโมทนาครับ
ดิฉันเคยพิจารณาข้อธรรมะเรื่องของกรรมและผลของกรรม ในพระไตรปิฎกที่ทรงแสดงไว้ว่า คนไข้มี ๓ ประเภท (ตามความเห็นที่ 6) คือ เกิดอาการปวดท้องกลางดึก รู้ว่ามีทุกขเวทนาเกิดขึ้น (และระดับความรุนแรงของอาการปวด) แต่ไม่ได้เกิดการทุรนทุราย และคิดว่าเป็นอกุศลวิบากที่ส่งผล อยากพิสูจน์เหมือนกันว่า หากไม่กินยา อาการปวดจะหายไหม จึงไม่กินยารับรู้ความปวดไปเรื่อยๆ ไม่ได้หาอุบายใดๆ ที่จะทำให้อาการปวดทุเลาโดยการเปลี่ยนความรู้สึกไปรับรู้อารมณ์อื่น ไม่ทราบอาการปวดหายไปตอนไหนและหลับไปตอนไหน (หลับต่อจนถึงเช้า) ขอโทษนะคะหากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคใดๆ ก็แล้วแต่ หายได้เพราะร่างทรง ป่านนี้ประเทศไทยคงดังไปทั่วโลก (เพราะมีร่างทรงเยอะมาก) และไม่เสียดุลการค้ากับต่างประเทศเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้
ใช่ครับ การที่มีร่างทรงมาช่วยรักษาหายนั้นเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเรามากกว่าครับ จงเชื่อในผลของกรรม ธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ครับ
ขออนุโมทนาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย