โจรนคร และ เขมนคร
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์....ข้อความใน ขุททก มหานิทเทส อรรถกถา อัฎฐกวรรค กามสุตต
นิทเทสที่ ๑ มีข้อความว่า
ท่านพระสารีบุตรแสดงการอบรมเจริญบารมี เพื่อดับกิเลสเป็นสมุทเฉท ถึงความ
เป็นพระอรหันต์ว่า
เหมือนอย่างว่ามีนคร ๒ นคร คือ โจรนคร ๑ เขมนคร ๑ ครั้งนั้นนายทหารใหญ่
คนหนึ่ง เกิดความคิดว่า โจรนคร นี้ยังตั้งอยู่ตราบใด เขมนคร ย่อมไม่พ้นภัยอันตราย
นั้นเราจักทำโจรนครให้ไม่เป็นนคร เขาสรวมเกราะถือดาบ เข้าไปในโจรนคร เอาดาบ
ฟันเสาระเนียด ซึ่งเขายกขึ้นไว้ที่ประตูนคร ทำลายที่ต่อ บานประตูและหน้าต่าง
ถอนลี่มสลัก ทำลายกำแพง ถมคู เอาธงที่ยกขึ้นเพื่อความสง่างามของนครลง เอา
ไฟเผานคร แล้วเข้าเขมนคร ขึ้นไปบนปราสาท แวดล้อมไหปด้วยหมู่ญาติ บริโภค
โภชนาหารที่มีรสอร่อย ฉันใดข้ออุปมัยก็ฉันนั้น สักกายทิฏฐิ ดุจโจรนคร นิพพาน ดุจเขมนคร ผู้อบรมเจริญภาวนา ดุจนาย
ทหารใหญ่ที่คิดว่า เครื่องผูกคือ สักกายทิฏฐิ ยังผูกพันอยู่ตราบใด ก็ยังไม่พ้นภัยอยู่
ตราบนั้น
ข้อความตอนท้ายที่ว่า สักกายทิฏฐิ ดุจโจรนคร นิพพาน ดุจเขมนคร ผู้อบรม
เจริญภาวนาดุจนายทหารใหญ่ ที่คิดว่า เครื่องผูกคือ สักกายทิฏฐิ ยังผูกพันอยู่ตราบ
ใด ก็ยังไม่พ้นภยันตรายตราบนั้น
อกุศลธรรมที่จะต้องดับก่อน
ก็คือ สักกกายทิฏฐิ ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน
เพราะฉะนั้นต้องเป็นปัญญาที่เห็นจริงๆ ว่า
โจรนคร กับ เขมนคร นี้ต่างกัน
เขมนคร นั้นก็สงบ แต่ว่า โจรนคร นั้นก็เดิอดร้อน วุ่นวาย กระสับกระส่าย
เพราะฉะนั้นถ้ายังมีความเห็นผิด
ที่ยึดถึอสภาพธรรมเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล
จะพ้นจากความกระสับกระส่าย ความเดือดร้อย ความกังวล
ก็เป็นสี่งที่เป็นไปไม่ได้
นอกจากนั้น ผู้ที่จะอบรมเจริญปัญญา ที่จะบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันรู้แจ้งอริย
สัจจธรรมนั้นอีก ๗ ชาติอย่างมากก็จะบรรลุถึงคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีการเกิด
อีกเลยเพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่เห็นว่า กิเลสและความทุกข์ทั้งหลาย อยู่ที่อัตตภาพ
คิอที่ นามธรรม และ รูปธรรมนี่เอง เพราะฉะนั้นการที่จะหมดกิเลส หมดทุกข์โดย
สี้นเชิงโดยเด็ดขาดเป็นสมุจเฉท ก็คือไม่มี นามธรรม และ รูปธรรม อีกต่อไป ซึ่งจะ
เป็นไปไม่ได้
ก็ต้องเป็นบารมี ๑ ซึ่งขาดไม่ได้ คือ วิริยบารมี
ขอขอบคุณและอนุโมทนาในธรรมดีๆ ที่คุณหมอมาให้แก่สหายธรรมครับ