เรือน และ นายช่างผู้สร้างเรือน เป็นธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม
วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ "วันวิสาขบูชา" ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล.
ท่านอาจารย์ : แม้แต่คำพูดที่ดูธรรมดา "เรือน" กับ "นายช่างเรือน" ก็ยังต้องเข้าใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงหมายถึงอะไร เพราะเหตุว่าถ้าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นปรากฏในขณะนี้ ก็จะไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น เช่น กำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ต้องหมายความว่า การเห็นขณะนั้นต้องมีปัจจัย หมายถึง ปัจจัยที่เป็นผู้สร้างที่ทำให้เกิดการเห็น เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นควรเข้าใจว่าแม้แต่คำว่า สังสารวัฏฏ์คือ ทุกๆ ขณะจิต หมายความว่า ขณะที่ธาตุรู้ซึ่งเป็นนามธรรมเกิดขึ้นขณะใด ขณะนั้นต้องมีสิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้ และขณะนั้น ก็เป็นสังสารวัฏฏ์, สังสารวัฏฏ์ เกิดขึ้นแล้วต้องดับไป แล้วก็เกิดอีกตามเหตุตามปัจจัย พระธรรม ซึ่งละเอียด ลึกซึ้ง ต้องฟังด้วยดีและต้องเข้าใจว่า ที่กล่าวถึงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของพระไตรปิฎก ก็คือ สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปหาธรรม ที่ไหนเลย เพราะว่า ขณะนี้ทั้งหมด คือ ธรรม เรือน ก็เป็น ธรรม นายช่างเรือน ก็เป็น ธรรม แต่ต้องเป็น ปัญญา เท่านั้นที่สามารถรู้จักนายช่างผู้สร้างเรือนได้ แม้แต่ขณะนี้มีเรือนที่สร้างแล้ว ก็ยังไม่รู้ หมายความว่ากำลังเห็นขณะนี้ สร้างแล้วใช่ไหม การเห็น จึงเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าไม่มีผู้สร้าง ซึ่งก็คือสิ่งที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการเห็น การเห็นก็เกิดขึ้นไม่ได้
เพราะฉะนั้น โดยมากเมื่อได้ผ่านข้อความในพระไตรปิฎก เรามักจะคิดถึงเรื่องราว เช่น คิดถึงนายช่าง คิดถึงเรือน แต่ความจริงนั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงทั้งหมด เพื่อให้รู้สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามปกติ ตามความเป็นจริง คือ รู้ว่าเป็นธรรมเพราะฉะนั้น ขณะนี้ทุกคนมีเรือน คือ สภาพธรรมที่เกิดแล้วก็เพราะว่ามีผู้สร้างในแต่ละขณะจิต ต้องมีผู้สร้างด้วยใช่ไหมคะ รู้จักนายช่างผู้สร้างเรือนหรือยัง.?
สังสารวัฏฏ์ คือ ทุกๆ ขณะที่จิต ซึ่งเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย หยุดยั้งไม่ได้เพราะเหตุคือมีปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมต่างๆ เกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย ตั้งแต่แสนโกฏิกัปป์จนกระทั่งถึงขณะนี้ ก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมต่างๆ เกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย ความลึกซึ้ง ก็คือว่า ในขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละอย่าง และ การฟังพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏทุกอย่างโดยละเอียด คือ เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏทุกอย่าง ไม่เว้นเลยนั้น เป็นธรรม.
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
" ... ความลึกซึ้ง ก็คือว่า ในขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละอย่าง และการฟังพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏทุกอย่างโดยละเอียด คือ เข้าใจจริงๆ ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏทุกอย่าง ไม่เว้นเลยนั้น เป็นธรรม ... "
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
วันนี้ไม่มาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ แต่ก็ได้อ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์ เมื่อปี ๒๕๓๓ ที่อาจารย์คำปั่นยกขึ้นมา โดยเป็นบทความที่คุณย่าสงวนกรุณาถอดเทปมา นับว่าเป็นประโยชน์มาก เมื่อครั้งยังไม่มาฟังธรรมฯ เคยคิดเรื่องราว ถึงนายช่างเรือน หมายความถึงอะไรกัน "พระธรรม ซึ่งละเอียด ลึกซึ้งต้องฟังด้วยดีและต้องเข้าใจว่าที่กล่าวถึงทั้งหมดไม่ว่าส่วนใดของพระไตรปิฎก ก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ ... ขณะนี้ เรือนคือ ทุกคนมีสภาพธรรมที่เกิดแล้วก็เพราะมีผู้สร้างในแต่ละขณะจิต ... สังสารวัฏฏ์คือ ทุกๆ ขณะจิต ซึ่งเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย หยุดยั้งไม่ได้ เพราะเหตุคือ ปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมเกิดดับไม่ขาดสาย ... "
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขอบพระคุณในกุศลจิตของอาจารย์คำปั่น คุณย่าสงวน และทุกท่านด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี"
"สภาพธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุเพราะปัจจัย"
"ต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม ไม่มีเรา"
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เพราะฉะนั้น ขณะนี้ทุกคนมีเรือน คือ สภาพธรรมที่เกิดแล้วก็เพราะว่ามีผู้สร้างในแต่ละขณะจิต ต้องมีผู้สร้างด้วยใช่ไหมคะ รู้จักนายช่างผู้สร้างเรือนหรือยัง.?
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่นด้วยค่ะ...