พึงคบสหายผู้ประเสริฐ สุด ผู้เสมอกัน

 
pirmsombat
วันที่  15 พ.ค. 2554
หมายเลข  18358
อ่าน  4,629

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 97

.....................................

เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น

พึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน

กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว

พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ

เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 พ.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 15 พ.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 15 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น

พึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน

กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว

พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ

เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น

สหายหรือเพื่อนผู้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมคือศีล ไม่ใช่แค่ศีลเท่านั้น สมาธิและปัญญา

พระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมยกย่อง สรรเสริญผู้ถึงพร้อมคือผู้ที่ประกอบด้วยคุณธรรมมี ศีล

สมาธิและปัญญา

พึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน

บุคคลควรคบบุคคลที่มีคุณธรรม เป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร ผู้มีคุณธรรมมาก เพราะ

เมื่อบุคคลคบคนที่มีคุณธรรม คุณธรรมที่ยังไม่มีย่อมมีได้เพราะอาศัยการคบบุคคลที่มี

คุณธรรม คุณธรรมที่ยังไม่มีเช่นศีล เมื่อคบบุคคลที่ถึงพร้อมด้วยศีล ศีลย่อมเจริญขึ้น

เพราะอาศัยการฟัง การแสดงธรรมของผู้มีคุณธรรมนั้น ย่อมเห็นประโยชน์ในคุณธรรม

คือศีล รวมทั้งคุณธรรมประการอื่นๆ รวมทั้งปัญญาด้วย เมื่อได้คนที่มีปัญญาเป็นเพื่อน

เป็นสหาย ย่อมทำให้ได้ความเจริญในทางปัญญาเพิ่มขึ้นเพราะอาศัยการฟังธรรมจาก

ผู้มีปัญญานั่นเองครับ เพราะฉะนั้นพึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด และแม้ไม่ไ่ด้สหาย เพื่อน

ที่มีคุณธรรมประเสริฐสุดหรือสูงกว่าตนก็พึงคบ ผู้ที่มีคุณธรรมเสมอตน เพราะเมื่อคบ

เพื่อนที่มีคุณธรรมเสมอกัน กุศลธรรมและคุณธรรมประการต่างๆ ก็ย่อมไม่เสื่อมไป เพราะ

เพื่อนนั้นย่อมกล่าว ย่อมแสดง ย่อมสรรเสริญในคุณธรรมดังเช่นบุคคลนั้นเป็นอยู่ครับ

กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว

พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

แต่่เมื่อไม่ได้สหายหรือเพื่อนที่มีคุณธรรมที่สูงกว่าหรือเสมอตนแล้ว ก็พึงเป็นผู้

บริโภคโภชนะไม่มีโทษ การเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ หมายถึง เมื่อได้รับอาหาร

จากใครที่ถวายบิณฑบาตร ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ก็ไม่ยินดีและยินร้ายในสิ่งที่ได้ และไม่

หลอกลวงเที่ยวไปในการดำรงชีวิต ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ (หมายถึง

เพศบรรพชิต) และเมื่อไม่ไ่ด้สหาย เพื่อนที่มีคุณธรรมสูงกว่าประเสริฐสุดหรือเสมอกับ

ตนก็ควรเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด คือไม่คบกับบุคคลใด เป็นผู้เดียวเหมือนกับนอ

แรดที่มีนอเดียวครับ เพราะว่าเมื่อไปคบบุคคลที่คุณธรรมต่ำกว่าก็ทำให้คุณธรรมของผู้

นั้นเสื่อมไปตามบุคคลนั้นครับ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ไ่ด้สหายที่ดีประเสริฐกว่าหรือเสมอ

ตน การเที่ยวไปผู้เดียวจึงประเสริฐครับ

---------------------------------------------------------------------

การคบสัตบุรุษจึงเป็นธรรมประการหนึ่งที่จะทำให้ถึงฝั่งคือการดับกิเลส สหายหรือ

มิตรที่ประเสริฐสูงสุดคือพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้พระองค์จะปรินิพพานไปแล้ว แต่พระ

ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็เปรียบเหมือนมิตรที่แนะนำ พร่ำสอนให้สัตว์โลกที่เต็มไป

ด้วยความไม่รู้และกิเลส ค่อยๆ ละคลายกิเลสขึ้นด้วยพระธรรมของพระองค์ ให้สัตว์โลก

ผู้กำลังหลับด้วยความไม่รู้ตื่นขึ้นด้วยปัญญาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยมิตรที่ประเสริฐคือ

พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะฉะนั้นหมู่สัตว์ทั้งหลายที่สะสมปัญญามาจึง

ควรเห็นประโยชน์ในการเสพคุ้นกับสิ่งที่ประเสริฐคือการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม

อันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขส่วนเดียว นำมาซึ่งกุศลธรรมและปัญญากับสัตว์โลกที่

ได้ศึกษาและเข้าใจครับ จึงควรคบพระธรรม คบด้วยความเข้าใจ ขออนุโมทนาคุณหมอ

และทุกท่านครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 15 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ในชีวิตประจำวัน ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีใครที่ไม่มีเพื่อน มีด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเพื่อนประเภทใด สำหรับเพื่อนที่ดี หรือ มิตรที่ดี เป็นบุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรม มี ศรัทธา ศีล ปัญญา เป็นต้น สามารถแนะนำประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างสูงสุด ได้ (บุคคลผู้เป็นกัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)

เป็นความจริงที่ว่า บุคคลที่เราคบนั้น เป็นส่วนที่จะทำให้ชีวิตของเราเป็นไปในทางกุศล หรือ ทางอกุศล เป็นไปในทางเสื่อมหรือเป็นไปในทางเจริญ ได้ ดังนั้น การได้คบเพื่อนที่ดี ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำให้เราได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น เป็นเพื่อนที่แนะนำให้เราตั้งอยู่ในกุศลธรรม แนะนำให้เห็นโทษของอกุศลแล้วให้ออกจากอกุศล นั้น จึงเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา (สูงสุดคือการดับกิเลส พ้นจากทุกข์ทั้งปวง) และกุศลธรรมประการอื่นๆ ก็ย่อมจะเจริญขึ้นตามระดับของความเข้าใจด้วย ไม่พบกับความเสื่อมเลย ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ , คุณผเดิม และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พรรณี
วันที่ 16 พ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pirmsombat
วันที่ 16 พ.ค. 2554

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่น , คุณเผดิม และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bsomsuda
วันที่ 16 พ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Thirachat.P
วันที่ 17 พ.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ