แสงเงินแสงทองของชีวิต
วันนี้ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖) เมื่อ ๒,๖๐๐ กว่าปี โลกที่มืดมิดเริ่มมีแสงเงินแสงทอง ปรากฏให้เห็น เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โพธิบัลลังก์ ริมแม่น้ำเนรัญชรา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ในวันนั้นทรงรู้แจ้งความจริงของสรรพสิ่งในจักรวาล ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต เปรียบพระปัญญาที่ทรงตรัสรู้ของพระองค์ดุจพระอาทิตย์ พระธรรม คือ ความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นเปรียบประดุจแสงพระอาทิตย์ ที่ส่องสว่างในความมืดมิด ให้ ผู้มีตาดีมองเห็นทางเดินที่ถูกต้องจนพ้นจากความมืดมิดด้วยความไม่รู้จนถึงที่สุดแห่ง ความรู้แจ้งความจริงแท้เช่นเดียวกับพระองค์
แม้มีผู้ตาดีเป็นจำนวนมากได้เดินตามทางที่แสงของพระธรรมส่องให้เห็นจนถึงที่สุดแห่ง ทุกข์แล้ว แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่แม้จะยังมีแสงของพระธรรมส่องให้เห็นทางอยู่ตลอด เวลา แต่ก็ยังไม่เห็น เพราะยังมืดบอดด้วยความไม่รู้ ซึ่งเราก็ยังเป็น ๑ ในจำนวนนั้น เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๕๔ ก่อนวันวิสาขบูชา ๓ วัน มูลนิธิฯ ได้นำ “เรื่องปฐม โพธิกาล” มาสนทนาในชั่วโมงพระสูตร ท่านอาจารย์ถามว่า “เริ่มเห็นแสงเงินแสงทอง หรือยัง?” ได้ตอบตัวเองในใจ (อาจจะเข้าข้างตัวเองตามกำลังของความรักตนมากกว่า คนอื่น) ว่า เมื่อได้ฟังพระธรรมมาเกือบ ๓๐ ปี คิดพิจารณาพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังบ้าง ก็ พอเห็นแสงเงินแสงทองบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ชัดเจนนัก ก็พอจะเห็นลางๆ ว่า ทรงแสดง ธรรมเพื่อให้ละความเห็นผิดว่า เป็นเรา เพราะจริงๆ แล้ว ทุกอย่างเป็นธรรม เกิดขึ้นและ ดับไปอย่างรวดเร็ว แล้วสิ่งที่ดับไปแล้วนั้นจะเป็นเราหรือเป็นใครได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งนั้น ไม่มีแล้ว ทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมโดยละเอียด โดยนัยต่างๆ ให้เห็นความเป็น อนัตตาของธรรมทั้งหลาย ทรงแตกย่อยโลกออกเป็นแต่ละทาง คือ ทางตา ทางหู ทาง จมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งเราก็ประจันหน้าอยู่ทุกขณะ แต่ไม่เคยรู้เลย อย่างนี้จะ ไม่เรียกว่ามืดบอดได้อย่างไร แม้แต่ขณะนี้ที่เห็นว่า พอเห็นแสงลางๆ แล้วก็ตาม ก็ยังเป็น แต่เพียงสัญญา ความจำที่เกิดจากการฟังเท่านั้น
ขณะนั้นฟ้าครึ้มฝน บรรยายมืดสลัว โดยเฉพาะในห้องประชุมของมูลนิธิฯ ที่เจ้าหน้าที่ ยังไม่เปิดไฟนั้น ดูอึมครึม แต่จิตใจสว่างไสว เมื่อได้ยินคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ เพราะเกิดความอุ่นใจว่า ยังมีพระสัทธรรมให้ได้ยินได้ฟัง และถ้ายังฟังพระธรรม พิจารณาพระธรรมอย่างต่อเนื่อง คงจะได้เห็นแสงเงินแสงทองในวันหนึ่งข้างหน้าอย่าง แน่นอน
และการมีโอกาสได้ฟังพระธรรมพอเข้าใจบ้างนั้น ก็เพราะความเมตตาของท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ท่านศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาเข้าใจแล้ว ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรมจนเกิดผลเป็นความเข้าใจมากขึ้นๆ นำมาเผยแพร่ให้ผู้ที่ยังมืดบอดทั้ง หลาย ได้พอมองเห็นแสงเงินแสงทองบ้าง แม้ยังไม่ชัดเจนนักก็ตาม กราบเท้าท่าน อาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตรที่ชี้ขุมทรัพย์ให้ ซึ่งจะต้องออกแรงขุดเอง จึงจะได้ทรัพย์นั้น
ปัญหาที่จะถามตังเองว่ามีแสงเงินแสงทองของชีวิตเกิดแล้วหรือยัง สำหรับผู้ที่ศึกษาธรรมแล้ว การฟังธรรมที่ยังเป็นเรื่องราวอยู่ ศึกษาพระสูตรที่เป็นเรื่องราวอยู่ การที่คิดอยู่ไตร่ตรองอยู่ การที่ยังมีเราอยู่ ก็ยังไม่มีแสงเงินแสงทองของชีวิต ตราบใดที่สติเริ่มระลึก แสงเงินแสงทองก็พอจะได้เริ่มเห็นลางๆ ...ฯ
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อนการตรัสรู้อริยสัจ
[๑๗๒๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่จะขึ้นก่อนสิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง ฉันใด สิ่งที่เป็นเบื้องต้น เป็นนิมิตมาก่อนแห่งการตรัสรู้อริยสัจ ตามความเป็นจริง คือ สัมมาทิฏฐิ ฉะนั้นเหมือนกัน อันภิกษุผู้มีความเห็นชอบ พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้ตาม ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริง ว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบปฐมสุริยูปมสูตรที่ ๗
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะการอุบัติขึ้นของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จากที่สัตว์โลกเป็นผู้มืดบอดด้วยอวิชชาความไม่รู้ ก็ค่อยๆ คลายจากความมืดบอดดังกล่าว พบแสงเงินแสงทองของชีวิต ด้วยพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งกว่าที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมแต่ละคำๆ ซึ่งมีค่ามหาศาลเป็นอย่างยิ่ง นั้น พระองค์ต้องบำเพ็ญพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงสีอสงไขยแสนกัปป์ ไม่ใช่เพื่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว แต่เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มากมายนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นบุคคลที่อุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์ของสัตว์ อย่างแท้จริงจริง.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และ ทุกๆ ท่านครับ...