อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกัน
เมื่อวาน อาทิตย์ที่ 22 พ.ค. 54 ได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับท่าน
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่มูลนิธิฯ ท่านอาจารย์ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า เมื่อบรรยาย
แนวทางเจริญวิปัสสนา ที่ตึกสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศ จบแล้วก็จัดให้มีการสนทนาธรรม โดยให้ผู้ฟังเป็นผู้ถามอาทิตย์ละ 2 ท่าน โดยมีท่านอาจารย์เป็นผู้ตอบ และต่อมาท่านอาจารย์ก็ไปร่วมสนทนาด้วยเดือนละครั้ง เพราะต้องการให้คน
ใหม่ๆ สืบทอดการสนทนาธรรมต่อไป แต่คุณสุรีย์ สุวรรณศร (ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ได้ไป
ขอเวลาให้ท่านอาจารย์มาสนทนาธรรมเพิ่มเป็นเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งท่านอาจารย์ก็คิด
ว่า เมื่อยังมีเวลา ก็ควรให้เวลามากที่สุด จึงไปร่วมสนทนาทุกสัปดาห์ เพราะอีกไม่นานก็
จะไม่รู้จักกันแล้ว
พวกเราได้กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาให้พวกเรามีโอกาสได้ฟังพระธรรม
มากยิ่งขึ้น เพราะในความรู้สึกของเรา ไม่มีใครสามารถแทนท่านอาจารย์ได้เลย และได้
กราบเรียนท่านว่า “ฟังท่านอาจารย์บอกว่า อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว รู้สึกเศร้า”
ท่านบอกว่า “ก็เป็นความจริง เป็นรูปใหม่ ใครจะไปจำใครได้” ท่านเตือนว่า คำถามเมื่อ
เช้าที่ถามว่า “รู้จักคุณอรรณพไหม” ซึ่งตามความเข้าใจของเรา คิดว่า ท่านอาจารย์
พยายามอธิบายว่า แต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่ง และในแต่ละหนึ่งก็แตกละเอียดย่อยลงไป
เป็นแต่ละ 1 ขณะ ที่เห็นเป็นคุณอรรณพนั้นเพราะมีมหาภูตรูป ซึ่งในมหาภูตรูปนั้น ก็มีรูป
เพียง 1 รูปที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ทางตา มีสัญญา ความจำว่า นี่เป็นคุณอรรณพ
และท่านอธิบายลึกยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนความเข้าใจของเราตามไปไม่ถึง แต่ก็พอจะสรุป
ได้ว่า ต้องรู้ก่อนว่า ทุกอย่างเป็นธรรม เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา
ของใคร ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
เพราะยังเป็นเพียงความจำในเรื่องราวของธรรมเท่านั้น จึงยังเศร้าจนน้ำตาซึมอยู่ดีเมื่อนึกถึงที่ท่านพูดว่า “อีกไม่นาน ก็ไม่รู้จักกันแล้ว” ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้จักกัน และมารู้จักกัน และก็จะไม่รู้จักกันอีก วนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่ากับใคร
ขอบคุณมากนะคะ ที่นำคำ่กล่าว ของท่าน อจ.สุจินต์ มาเผยแพร่ ต่อเพื่อนๆ เป็นสิ่ง
เตือนใจ ได้ดีมากๆ ค่ะ ทำให้ระลึกได้ว่า ไม่ควรประมาททุกขณะจิต ควรเจริญในกุศลทุกๆ
ประการอย่างยิ่ง เพราะเห็นประโยชน์ แห่งพระธรรม.. อย่างน้อยก็จะมั่นคง ในการฟังพระ
ธรรม ตลอดไป กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ และ ในกุศลจิตทุกท่าน ที่ได้ศึกษา สนทนา
กับมูลนิธิฯ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น แต่ละบุคคล ก็เป็นแต่ละหนึ่ง เกิดมาในตระกูลที่ต่างกัน ฐานะต่างกัน สภาพความเป็นอยู่ต่างกัน มีความประพฤติเป็นไปต่างกันตามการสะสม และแน่นอนว่าจะต้องมีวันสุดท้ายของชีวิตในภพนี้ชาตินี้ คือ ขณะที่จุติจิตเกิดขึ้น พ้นจากความเป็นบุคคลนี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกต่อไป แต่ว่าช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง คือ การมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีต ได้สะสมศรัทธาเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมมาแล้ว จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรมในชาตินี้ และได้พบกัลยาณมิตรผู้มีปัญญาประกอบด้วยความเมตตามุ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจพระธรรม-ได้ฟังความจริง คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ (ท่านอาจารย์ของพวกเราทุกคน) ผู้อุทิศชีวิตเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาของผู้มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมอย่างแท้จริง ท่านอาจารย์ไม่เคยว่างเว้นในการอนุเคราะห์เกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจพระธรรม ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม แม้ว่าบางครั้งบางคราวจะเป็นช่วงเวลาทีสั้น แต่ก็เต็มไปด้วยสาระและธรรมข้อคิดที่ควรใส่ใจควรพิจารณา เป็นอย่างยิ่ง มีข้อความประโยคหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ น่าคิดทีเดียวว่า "ชีวิตของคนเรา จะเหลือเวลาสำหรับมีโอกาสทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นอีกนานเท่าใด" เพราะมีท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ พวกเราจึงมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ได้สะสมปัญญาไปตามลำดับซึ่งเป็นชาิติที่ประเสริฐมาก ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้ฟังพระธรรม ครับ ...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และ ทุกๆ ท่านครับ...
อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว เตือนให้ไม่ประมาท ให้มั่นคงในการศึกษาธรรมะ ให้มั่นคงในการทำความดี และมีเมตตาต่อกัน เพราะชีวิตเหลือน้อยที่จะได้รู้จักกันค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และท่านวิทยากร ณ บ้านธัมมะ
รวมทั้งผู้ที่เป็นกัลยาณมิตร ที่ทำเว็บไซท์นี้ขึ้นมา ทำให้ได้เผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์
แก่ผู้ที่สนใจและใฝ่ในการฟังพระธรรมได้มากขึ้น ขอน้อมระลึกถึงพระคุณของท่านอาจารย์
สุจินต์อย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ผู้ฟังธรรม คงได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ว่า ถ้าได้เกิดอีกชาติหน้า ขอให้ได้พบพุทธศาสนา
ขอให้ได้พบกัลยาณมิตร ขอให้ได้พบคำสอนที่ถูกต้อง ขอให้ได้ฟังธรรมเข้าใจ
สิ่งที่ขอจะเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อไม่มีการสั่งสมตามที่ขอ ชาตินี้มีมหากุศลได้พบ
ท่านอาจารย์เป็นกัลยาณมิตร สอนธรรมที่ถูกต้องตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้ว เมื่อยังไม่ขยันตั้งใจฟังให้เข้าใจแล้ว เวลาก็เหลือน้อยที่จะรู้จักกัน แล้วยังสั่งสม
ไม่พอ จะได้พรตามที่ขอได้อย่างไร ส่วนผู้ที่ฟังธรรมเข้าใจในชาตินี้ เป็นผู้พบ
ทางเดินทางเดียวได้แล้ว แม้นอีกไม่นานจะไม่รู้จักกันในรูปนี้กายนี้ แต่ก็จะได้รู้จักกันอีก
ในรูปอื่นกายอื่น....ฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว เปรียบเหมือนดัง ดวงแก้ว แตกสลาย
ไม่มีทาง หวนกลับ มาเป็นกาย ที่เคยได้ นิยม ชมชื่นกัน
ที่เคยกราบ แทบเท้า เฝ้าฟังธรรม แต่ละคำ ย้ำเป็นหนึ่ง ซึ่งสังขารขันธ์
เกิดขึ้นแล้ว ดับไป รวดเร็วพลัน จึงหมายมั่น ว่าเป็นตน คนคนนี้
ก็ธรรมมี ทุกที่ ทุกขณะ ควรที่จะ ละเอียด และถ้วนถี่
เข้าใจว่า เป็นธรรม ดังท่านชี้ ไม่ควรที่ ประมาท พลาดเวลา
อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว โอ้ดวงแก้ว อันศิษย์ ถวิลหา
รีบสั่งสม ปัญญาเถิด ได้เกิดมา ชีวิตนี้ ที่มีค่า เพราะอาจารย์...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และ ทุกๆ ท่านครับ
อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว เป็นความจริงที่ยังไม่เกิดขึ้น เมื่อใดก็ไม่มีใครบอกได้ แต่เป็นการกระตุ้นเตือนให้มีความพากเพียร อดทน มีศรัทธาในการฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง ลึกซึ้งจากท่านอาจารย์สุจินต์ แม้ได้เพิ่งมาฟังพระธรรมในแนวเจริญสติปัฏฐานจากท่านอาจารย์ไม่นานนัก แต่รู้สึกว่าเป็นลาภอันประเสริฐยิ่ง จึงต้องพากเพียร ไม่ขาดการฟังพระธรรมจากคำบรรยายของท่าน กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
"อีกไม่นานก็จะไม่รู้จักกันแล้ว"
เตือนใจให้หมั่นเพียรสะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ตามพระธรรม
เพื่อเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส
และหมั่นเจริญเมตตาต่อทั้งผู้ที่รู้จัก
และผู้ที่ไ่ม่รู้จัก เพราะครั้งหนึ่งอาจเคยรู้จัก นับถือ หรือมีพระคุณต่อเรามาในอดีตชาติ
"ชีวิตของคนเรา
จะเหลือเวลาสำหรับมีโอกาสทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นอีกนานเท่าใด"
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพสูงสุด
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ