พระไตรปิฏกข้อใด กล่าวถึงอาการก่อนตายได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้วไปสวรรค์

 
จิมมี่
วันที่  23 พ.ค. 2554
หมายเลข  18400
อ่าน  2,243

ผมทำการค้นคว้าอยู่ว่า ฆารวาสและพระ ที่ก่อนตายได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้วได้ไปสุคติ

เช่น ท่านมัณฐกุลพลีเทพบุตร พระวักลิก ส่วนท่านอื่นๆ มีนามว่าอะไรประวัติโดยย่อว่าอะไร

ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ท่านที่มีความรู้ทางธรรมน้อย สืบไป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ก่อนที่จะให้ตัวอย่างผู้ใดที่ได้เห็นพระพุทะเจ้าก่อนที่จะตายแล้วได้ไปสรรค์ ผมขอ

อนุญาตเรียนถึงความเข้าใจในเรื่องของธรรมให้เข้าใจก่อนครับว่า การเห็นเป็นสภาพ

ธรรมที่มีจริง การเห็นเป็นผลของกรรม เป็นวิบาก การเห็นมีทั้งที่ที่เห็นสิ่งที่ไม่ดี อัน

เกิดจากเหตุคือกรรมที่ไม่ดี และเห็นสิ่งที่ดี อันเกิดจาเหตุที่ดีคือกรรมดีที่ทำไว้ให้ผล

การเห็นเลือกไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของกรรมที่ทำมา การเห็นไม่ว่าใครเห็นก็เหมือนกัน

คือเป็นเพียงสภาพรู้ รู้ในสิ่งที่ปรากฎ แต่สิ่งที่ถูกรู้ หรือสิ่งที่เห็นก็แตกต่างกันไปตาม

กรรมที่ทำมา

การเห็นพระพุทธเจ้า การเห็นพระพุทธเจ้าต้องเป็นรูปที่ดี รูปที่ประณีต ดังนั้นต้อง

เป็นผลของกรรมดีที่ทำไว้ แต่เมื่อเห็นแล้ว จะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิตก็แล้วแต่การ

สะสมมาของแต่ละคน แต่ละบุคคลครับ ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยพุทธกาล มีผู้ที่เห็น

พระพุทธเจ้ามากมาย มีผู้ที่สะสมบุญมา ศรัทธามา ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเห็นพระ

พุทธเจ้าแล้วจะต้องเป็นกุศลเสมอไป บางครั้งก็ติดข้องยินดีในรูปที่เห็นก็ได้ แม้พวก

อัญญเดียรถีย์ พวกนอกศาสนาก็เห็นพระพุทธเจ้า จิตก็เป็นอกุศลได้ เพราะสะสมมา

สะสมความเห็นผิดมานั่นเอง ดังนั้นการเห็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นได้ทั้งกุศลหรือกุศลจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 23 พ.ค. 2554

สาระสำคัญคืออะไร คือ การเห็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สำคัญ

เท่ากับการสะสมความเห็นถูก สะสมบุญมาเพราะหากไม่ได้สะสมบุญมา สะสมความเห็น

ถูกมาแล้ว แม้เห็นพระพุทะเจ้าก็ไม่เข้าใจ กับติดข้องในรูปนั้น ดังเช่น พระวักกลิในตอน

แรกที่ท่านติดในรูปจนพระพุทธเจ้าต้องตรัสเตือนว่า วักกลิเธอจะมาสำคัญอะไรกับกาย

เน่านี้ของเรา วักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ดังนั้นสำคัญคือเห็นธรรมด้วยปัญญา

สะสมปัญญามาเมื่อเห็นพระพุทธเจ้าก็เกิดกุศลจิตได้เพราะสะสมความเห็นถูกและสะสม

ศรัทธามาครับ แต่ถ้าไม่ได้สะสมหรือสะสมความเห็นผิดมาก็ย่อมโกรธไม่ชอบดังเช่น

พวกนอกศาสนาที่เห็นพระพุทธเจ้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 23 พ.ค. 2554

ดังนั้นสาระสำคัญไมใช่อยู่ที่การเห็นเป็นสำคัญ แต่สำคัญคือสะสมความเห็นถูก

สะสมบุญมาแล้วครับ เมื่อเห็นจึงระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ ถ้าไม่สะสมความ

เห็นถูกและปัญญามา จะไม่เลื่อมใสและไม่ศรัทธาในพระพุทธเจ้าเลยครับ ดังเช่นท่าน

มัณฐกุลพลี เมื่อก่อนที่จะตาย พระพุทธเจ้าได้ไปโปรดให้เห็น และท่านเกิดกุศลจิต

ทุกอย่างต้องมีเหตุครับ ที่ท่านเกิดกูศลจิตได้เพราะในอดีตท่านต้องเคยสะสมศรัทธา

สะสมความเห็นถูกมา เพราะต่อมาเมื่อเป็นเทพบุตรท่านลงมาฟังธรรมแล้วบรรลุเป็น

พระโสดาบัน นี่แสดงให้เห็นว่าท่านสะสมปัญญามาแล้วครับ ถึงทำให้ท่านบรรลุได้

และเพราะสะสมปัญญามาในอดีตในศาสนาพระพุทธเจ้าองค์ก่อนแล้ว ก่อนท่านตาย

พระพุทธเจ้าเสด็จไปให้เห็นท่านถึงเกิดกุศลจิตและจุติตายไปเกิดเป็นเทพบุตรได้ครับ

ดังนั้นสิ่งที่เป็นสาระสำคัญจริงๆ คือการได้สะสมบุญ สะสมปัญญามานั่นเองครับ

การเห็นอันยอดเยี่ยมหรือทัศนานุตตริยะ คือ การได้เห็นพระพุทธเจ้าและได้บรรลุ

ธรรม ดังนั้นถ้าไม่สะสมปัญญามาก็ไม่มีทางบรรลุธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา เห็น

พระพุทธเจ้าด้วยปัญญา ไม่ใช่เห็นรูปพระกายของพระองค์ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 23 พ.ค. 2554

การศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกเท่านั้นย่อมทำให้ไม่ว่าเห็นสิ่งใด เห็นพระพุทธเจ้า

เห็นสิ่งต่างๆ ก็เข้าใจความจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงว่าเป็นแต่เพียงสภาพ ธรรม

เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฎทางตา เป็นแต่เพียงเห็นไม่มีเรา ไม่มีพระพุทธเจ้า มีแต่สภาพ

ธรรมทีเกิดขึ้นและดับไป นี่คือพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงที่เป็นสัจจะเพื่อให้สัตว์

โลกได้เข้าใจ ความจริง อันเป็นจุดประสงค์ของพระองค์ดังที่ตรัสเตือนท่านพระวักกลิ

ว่าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราครับ สวรรค์ก็ไม่เที่ยง การอบรมปัญญา การสะสมเหตุที่ดี

สำคัญที่สุดครับ ขออนุโมทนาครับ

เชิญคลิกอ่านข้อความตัวอย่างที่ได้พบพระพุทธเจ้าก่อนตายไป

ได้ไปสวรรค์บ้าง ได้บรรลุธรรมบ้างครับ

จัณฑาลิวิมาน

 [เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 177

(คลิกที่ชื่อหมวดที่เป็นสีส้มแล้วกดดาวโหลดเนื้อหาในเล่มและไปที่หน้า 177 ครับ)

-------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องพ่อค้ามีทรัพย์มาก

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔- หน้าที่ 132

---------------------------------------------------------------------

เรื่องนันทโคปาลกะ

[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 441

--------------------------------------------------------------------------------------

เชิญคลิกอ่านที่นี่.....ตติยนาวาวิมาน .. ว่าด้วยนาวาวิมาน

พระปูติคัตตติสสเถระ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ธรรม เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณา เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง แม้แต่เห็นก็เป็นสิ่งทีมีจริงเห็นเป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำหน้าที่เห็น เป็นผลของกรรม ต้องมีกรรมในอดีตที่ได้กระทำแล้ว ถึงคราวให้ผล การเห็นจึงเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นผลของกรรมประเภทใด กล่าวคือ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็ทำให้เห็นสิ่งที่ดี ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมก็ทำให้ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีใครบังคับให้การเห็นเกิดขึ้นได้ แต่เกิดแล้วตามเหตุปัจจัย การเห็นพระสัมมาัสัมพุทธเจ้า เป็นผลของกุศลกรรมแต่การสะสมมาของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน บางคนถึงแม้ว่าจะได้เห็นบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก แต่จิตเป็นอกุศล มีจิตคิดประทุษร้ายพระองค์ ก็มี เช่นพวกอัญญเดียรถีย์ นางจิญจมาณวิกา นางสุนทรี เป็นต้น เมื่อเหตุไม่ดี ผลก็ไม่ดี ทำให้เป็นผู้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า หรือแม้กระทั่งผู้ที่ได้บวชในพระพุทธศาสนาเช่นพระเทวทัต ได้เห็นพระองค์ แต่เพราะถูกลาภสักการะครอบงำ คิดจะเป็นใหญ่ปกครองสงฆ์ มีจิตประทุษร้ายต่อพระองค์ กระทำอกุศลกรรมมากมาย ก็เป็นผู้ไปเกิดในอเวจีมหานรก ประโยชน์สูงสุดของการได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นไปเพื่อละกิเลส เป็นไปเพื่อการตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เมืื่อมีปัญญาคมกล้า เจริญสมบูรณ์พร้อมก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ตามลำัดับมรรค สูงสุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เมืือดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้ิสิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ซึ่งพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต มีพระภิกษุปัญญจวัคคีย์ พระยสกุลบตร พระสารีบุตร พระมหา-โมคคาลานะ เป็นต้น เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง

ในสมัยปัจจุบันนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ ผู้ที่เข้าใจพระธรรมและแสดงพระธรรมตามที่พระสัมมาัสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ยังมีอยู่ จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป เพราะสังสารวัฏฏ์ เป็นเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น เกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่ง สั้นมาก พักแล้วก็ต้องเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ สิ่งที่จะเป็นที่พึ่ง และพึ่งได้อย่างแท้จริง คือ กุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณจิมมี่,คุณผเดิม และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พรรณี
วันที่ 24 พ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
โชติธัมโม
วันที่ 24 พ.ค. 2554

ประโยชน์สูงสุดของการได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ได้ฟังพระธรรมที่ พระองค์

ทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นไปเพื่อละกิเลส เป็นไปเพื่อการ ตรัสรู้

สภาพธรรมตามความเป็นจริง เมืื่อมีปัญญาคมกล้า เจริญสมบูรณ์พร้อมก็สามารถ รู้

แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ตามลำัดับมรรค สูงสุด คือ ถึง

ความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เมืือดับขันธปรินิพพานแล้ว

ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้ิสิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ซึ่งพระอริยบุคคล ทั้ง

หลายในอดีต มีพระภิกษุปัญญจวัคคีย์ พระยสกุลบตร พระสารีบุตร พระมหาโมคคัล

ลานะ เป็นต้น ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยเศียรเกล้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Supakij.k
วันที่ 24 พ.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สมศรี
วันที่ 24 พ.ค. 2554
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 24 พ.ค. 2554

ท่านปุกกุสาติได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี แล้วขอบวช

พระพุทธเจ้าตรัสว่า บาตรและจีวรมีแล้วหรือ ท่านปุกกุสาติ ก็ไปหาบาตรและจีวร

ระหว่างทางก็ถูกโคขวิดตาย ท่่านก็ไปเกิดในรูปพรหมภูมิ ชั้นสุทธาวาสและท่าน

ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในชั้นนั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 26 พ.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ